ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สืบพยานใกล้ชิดล่วงหน้า 4 ปาก คดีฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ นัดสืบพยานใกล้ชิดล่วงหน้า 4 ปาก คดีฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา​ ​- ครอบครัว​บรรยินรุดให้กำลังใจ

26 ก.พ. 63 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี เมื่อเวลา 13.30 น. ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์สืบพยานล่วงหน้าตามที่อัยการยื่นคำร้องขอ ในคดีที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์ กับพวก รวม 6 คน ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาอาวุโสศาลอาญากรุงเทพใต้ เจ้าของสำนวนคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา

ภาพจากอีจัน

-ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป

-เป็นซ่องโจรโดยเป็นการสมคบเพื่อกระทำความผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป

-พยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพของผู้อื่น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่โดยร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 139 ,140 วรรคแรก , 210 วรรคสอง , 289 (4) , 309 วรรคสอง , 313 (3) วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80  ,83

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

ศาลได้เบิกตัว พ.ต.ท.บรรยิน, นายมานัส ทับนิล อายุ 67 ปี, นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48 ปี , นายชาติชาย เมณฑ์กูล  31 ปี, นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข อายุ 33 ปี, และ ด.ต.ธงชัย หรือ ส.จ.อ๊อด วจีสัจจะ อายุ 63 ปี ผู้ต้องหา 1-6 มาจากเรือนจำ ซึ่งเมื่อวานนี้ทั้ง 6 คนได้ถูกพนักงานสอบสวนกองปราบปรามควบคุมตัวมายื่นคำร้องฝากขังผัดแรกและไม่ได้รับการประกันตัว

ภาพจากอีจัน

การนัดสืบพยานล่วงหน้า วันนี้ พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องหาที่ 1 ได้แต่งตั้งนายบัญชา ชัยจำ ทนายความ ซึ่งรับผิดชอบคดีของตนในสำนวนโอนหุ้นนายชูวงษ์ (ศาลอาญากรุงเทพใต้) และคดีฆาตกรรมนายชูวงษ์ (ศาลอาญาพระโขนง) มาเป็นทนายความในคดีนี้ด้วย ส่วนนายมานัสและนายณรงค์ศักดิ์ ผู้ต้องหาที่ 2- 3 ยังไม่มีทนายความ

ภาพจากอีจัน

สำหรับนายชาติชาย, นายประชาวิทย์ หรือตูน, .ด.ต.ธงชัย หรือ ส.จ.อ๊อด ผู้ต้องหาที่ 4-6 ได้แต่งตั้งทนายความเข้ามาเองเพื่อร่วมทำการซักค้านการสืบพยานล่วงหน้าในวันนี้แล้ว ขณะที่ศาลได้ชี้แจงให้ผู้ต้องหาได้ทราบถึงระบบการพิจารณาคดีในศาลอาญาคดีทุจริตฯ ด้วยว่าเป็นระบบไต่สวนที่ผู้พิพากษาองค์คณะ จะเป็นผู้ถามคำถามกับพยานเองเพื่อรวบรวมข้อเท็จจริง โดยให้สิทธิอัยการและทนายความ รวมทั้งผู้ต้องหา ก็ขออนุญาตศาลซักถามเพิ่มเติมและซักค้านพยานที่นำมาสืบนี้ได้ด้วย

ภาพจากอีจัน

ส่วนผู้ต้องหาที่ 2-3 ซึ่งยังไม่มีทนายความมาศาลในวันนี้โดยอยู่ระหว่างการแต่งตั้งทนายนั้น การสืบพยานล่วงหน้าวันนี้ศาลก็จะเป็นผู้ตั้งคำถามให้เองก่อนซึ่งเป็นขั้นตอนตามกฎหมาย

ขณะที่การยื่นคำร้องขอสืบพยานล่วงหน้าวันนี้ ตามคำร้องของอัยการ ระบุเหตุผลตามกฎหมายว่าเนื่องจากพยาน เป็นบุคคลต่างด้าวทั้งหมด ซึ่งอาจจะเกิดความลำบากในการติดตามตัว ประกอบกับพยานทั้งหมดเป็นบุคคลใกล้ชิดกับผู้ต้องหาด้วย จึงต้องดำเนินการสืบพยานล่วงหน้าไว้ก่อน

ทั้งนี้ อัยการได้ขอให้ศาลสืบพยานด้วยระบบ Video Conference แยกห้องระหว่างพยาน กับผู้ต้องหาทั้ง 6 ด้วย เพื่อไม่ให้เป็นการเผชิญหน้ากัน โดยวันนี้นอกจากตัวผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว 6 คนแล้ว นางวราภรณ์ ภรรยา, นายวรภัทร์ บุตรชายของ พ.ต.ท.บรรยิน และครอบครัวของผู้ต้องหาอื่น ก็เดินทางมาร่วมติดตามฟังการสืบพยานอย่างใกล้ชิดและให้กำลังใจผู้ต้องหาด้วย

ภาพจากอีจัน

ซึ่งการสืบพยานล่วงหน้าวันนี้อัยการได้นำพยานเข้าเบิกความรวม 4 ปาก

1.ชายสัญชาติเมียนมา อายุ 29 ปี ลูกเขยของนายณรงค์ศักดิ์ ผู้ต้องหาที่ 3 ที่ถูกใช้ให้ไปซื้อน้ำมัน 20 ลิตร เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 63 ที่ปั๊มน้ำมันที่อยู่ห่างจากที่พักไปประมาณ 300-400 เมตร แต่ไม่ทราบว่านายณรงค์ศักดิ์ ให้ซื้อน้ำมันไปทำอะไร

2.หญิงอายุ 39 ปี เชื้อชาติกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา แม่บ้านของภรรยา พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องหาที่ 1 ที่นางวราภรณ์ สั่งให้แม่บ้านไปบอกสามีซึ่งเป็นพยานปากที่ 3 ให้ไปซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์ แต่ไม่ทราบว่าสั่งให้ซื้อไปทำอะไร

นอกจากนี้ พยานปากที่ 2 ยังระบุด้วยว่า เคยเจอนายณรงค์ศักดิ์มาที่บ้านของ พ.ต.ท.บรรยิน ด้วย

3.ชายผู้เป็นสามีของหญิงแม่บ้าน พยานปากที่ 3 ที่เป็นคนไปซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์ให้ภรรยาของ พ.ต.ท.บรรยิน โดยพยานปากที่ 3 ระบุว่า ได้ไปซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์ทั้งหมดจำนวน 5 ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายคือเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 63 และในจำนวน 5 ครั้ง แบ่งเป็น 4 ครั้ง ซื้อที่ร้านโทรศัพท์ที่อยู่ข้างๆ 7-11 สาขาสะพานดำ ติดกับศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองสะพานดำ จ.นครสวรรค์ ส่วนอีก 1 ครั้ง ซื้อเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 63 ที่ 7-11 เนื่องจากร้านโทรศัพท์ดังกล่าวข้างต้นปิด เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์

4.พยานปากที่ 4 เป็นพนักงานบริษัทก่อสร้างของนางวราภรณ์ ภรรยาของ พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งศาลได้ซักถามถึงประเด็นเบอร์โทรศัพท์ที่ผู้ต้องหาที่ 1 ใช้ และที่ปรากฏว่ามีชื่อของพยานเป็นผู้ลงทะเบียน เบอร์โทรศัพท์ที่ลงท้ายด้วย 3939 ซึ่งภรรยาของ ผู้ต้องหาที่ 1 ได้สั่งให้พยานนำไปลงทะเบียน โดยใส่ชื่อของพยานลงไป โดยที่พยานไม่เคยได้ติดใจสงสัยถาม เนื่องจากตัวเองเป็นลูกจ้าง เจ้านายสั่งอะไรก็ต้องทำ

ศาลได้สอบถามเกี่ยวกับชื่อของพยานที่ใช้ลงทะเบียนในหมายเลขนี้ ที่ภายหลังพยานมาทราบว่า ผู้ต้องหาที่ 1 ใช้หมายเลขนี้ ก็เพราะว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 63 นางวราภรณ์ บอกให้พยานไปปิดเบอร์ดังกล่าวเนื่องจากโทรศัพท์หาย พยานจึงโทรศัพท์ไปที่ค่าเบอร์มือถือดังกล่าว แต่ทางค่ายแจ้งว่าไม่สามารถปิดเบอร์ดังกล่าวได้ เพียงแต่ระงับสัญญาณไว้ชั่วคราว หลังจากนั้น นางวราภรณ์ ก็ได้มาบอกพยานให้ไปทำซิมใหม่แต่เบอร์เดิม โดยระบุว่า "นาย" ต้องการรีบใช้ซึ่งคำว่า "นาย" ทำให้พยานรู้ว่าเป็น พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องหาที่ 1

นอกจากนี้ศาลยังถามถึงประเด็นรถยนต์ Ford Everest หมายเลขทะเบียน กร 39 และรถกระบะโตโยต้า รุ่น Sport Rider หมายเลขทะเบียน ชฉ 583 ด้วย โดยพยานทราบเพียงว่ารถยนต์ Ford Everest นั้นผู้ต้องหาที่ 1 และลูกชาย ใช้ขับ ส่วนกระบะ รุ่น Sport Rider ไม่ทราบว่าใครใช้บ้าง ซึ่งรถทั้ง 2 คันนั้น ก่อนหน้านี้ภรรยาของผู้ต้องหาที่ 1 เคยใช้เป็นรถหาเสียงให้กับบุตรสาวและบุตรชายช่วงปลายปี 2561 – ปี 2562 ซึ่งทราบว่ารถกระบะ รุ่น Sport Rider นั้นเป็นของข้าราชการคนหนึ่ง

อ่านข่าวเพิ่มเติม