จเรตำรวจ เผย “พบการทุจริตเบี้ยเลี้ยงโควิด-19 ตำรวจ จริง!

พล.ต.อ.วิสนุ เผย ตั้งชุดจเรตำรวจ ตรวจสอบ หลังพบการทุจริตเบี้ยเลี้ยงโควิด-19 ตำรวจ จริง! ลั่นให้เวลาสรุป 10 วัน

จากกรณีมีตำรวจชั้นผู้น้อยร้องเรียนผ่านสื่อออนไลน์ว่า “หน่วยงานในสังกัด ภ.4 ภ.5 และ บช.ทท. มีการเบิกจ่ายเงินเบี้ยเลี้ยงโควิด แล้วข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ได้รับเงินไม่เป็นไปตามจำนวนที่เบิก หรือไม่ได้รับเงินตามที่มีการเบิกจ่ายจริง หรือมีการโอนเงินเข้าบัญชี แล้วให้ข้าราชการที่ได้รับเงิน เบิกเงินแล้วนำเงินไปคืน”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง  : เด็ดขาด! ฟันไม่เลี้ยง หากพบ “ทุจริตอมเบี้ยเลี้ยงโควิด-19” ตำรวจชั้นผู้น้อยจริง!

ล่าสุดวันนี้ (8 ต.ค. 63) พลตำรวจเอกวิสนุ ปราสาทองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เผยว่า “พบการทุจริตเงินเบี้ยเลี้ยงตำรวจชั้นผู้น้อย จากการปฏิบัติหน้าที่ช่วงสถานการณ์โควิด-19 จริง” ขณะนี้ให้ตำรวจแต่ละภาคเร่งตรวจสอบ และรายงานข้อเท็จจริงขึ้นมา ขณะเดียวกันก็ได้สั่งตั้งชุดจเรตำรวจ เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ควบคู่ไปด้วย โดยกำหนดให้ได้ข้อสรุปภายใน 10 วัน นับตั้งแต่ที่ออกคำสั่งไปเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 63 ที่ผ่านมา

เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การกระทำผิดแบบเป็นขบวนการ แต่เป็นความผิดรายบุคคล ซึ่งจะมีใครเข้าข่ายกระทำผิด เป็นตำรวจชั้นใดบ้าง ยังตอบไม่ได้ เพราะอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล แต่หากพบว่าใครเข้าข่ายการกระทำความผิด ก็จะทำเรื่องเสนอไปยัง คณะกรรมการป้องกันการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

ภาพจากอีจัน
ส่วนกรณีที่มีตำรวจชั้นผู้น้อยให้ข้อมูลว่า เริ่มมีการสร้างพยานหลักฐานเท็จ โดยการขอให้ตำรวจชั้นผู้น้อยถอนเงินสดจากธนาคารมาคืนให้กับต้นสังกัด และมีการทำเอกสารระบุว่า เป็นการชดใช้เงินที่มีการกู้ยืมจากทางโรงพัก เรื่องนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งมองว่าการสร้างพยานหลักฐานด้วยวิธีดังกล่าว สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ไม่ยาก ส่วนที่มีการแชร์เอกสารหลักฐานทางการเงิน หรือการโพสต์ร้องเรียนทางโซเชียลมีเดีย มีฝ่ายตรวจสอบ และรวบรวมข้อมูลดังกล่าว มาให้จเรตำรวจ พิจารณา พร้อมกันนี้ยังพร้อมเปิดรับเรื่องราวร้องทุกข์ทางช่องทางต่าง ๆ ด้วย
ภาพจากอีจัน
สำหรับงบประมาณเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวพบว่า มีการตั้งงบเบิกจ่ายจำนวน 2,521 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยเลี้ยงข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในการตั้งด่านป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 คิดเป็นชั่วโมง ชั่วโมงละ 60-70 บาทต่อวัน วันละไม่เกิน 7 ชั่วโมง , งบประมาณค่าเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ และงบเบิกจ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแต่ละกองบัญชาการมีการขอเบิกงบไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับเหตุผลความจำเป็น จำนวนการตั้งด่าน และตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่จริง ซึ่งงบประมาณส่วนนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งให้กองบัญชาการและกองบังคับการแต่ละภาคไปทั้งหมดแล้ว ส่วนแต่ละหน่วยจะนำไปเฉลี่ยจ่ายอย่างไรนั้น จะต้องมีเอกสารชี้แจงที่ชัดเจน โดยยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีนโยบายในการทอนเงินคืน ทั้งนี้ พบว่ากองบัญชาการที่มีสถานที่ท่องเที่ยว อยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบ มีการขอเบิกงบประมาณสูงถึงหลัก 200 ล้านบาท ขณะที่บางกองบัญชาการ มีการขอเบิกงบประมาณ หลัก 100 ล้านบาทอย่างไม่สมเหตุสมผล ซึ่งรายละเอียดเรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป