หลังจากเมื่อวาน(14 ต.ค. 63) กลุ่มคณะราษฎรนัดชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตั้งแต่เวลา 08.00 น. และมีการเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มายังทำเนียบรัฐบาลได้สำเร็จ ผู้ชุมนุมได้ปักหลักชุมนุมอยู่บนถนนพิษณุโลกบริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล ซึ่งการชุมนุมได้กินพื้นที่บนถนนพิษณุโลก ตั้งแต่ช่วงแยกสะพานชมัยมรุเชฐ ไปจนถึงแยกถนนพิษณุโลกตัดราชดำเนินกลาง และมีการตั้งเวทีปราศรัยขึ้น ก่อนที่แกนนำจะมีการประกาศปักหลักค้างคืนข้างทำเนียบรัฐบาลนั้น
ภาพจากอีจัน
ล่าสุด วันนี่(15 ต.ค. 63) เมื่อเวลา 04.00 น. ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครภาพจากอีจัน
โดยที่ปรากฏว่า มีบุคคลหลายกลุ่ม ได้เชิญชวน ปลุกระดม และดำเนินการให้มีการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะขึ้นในกรุงเทพมหานคร โดยใช้วิธีการและช่องทางต่างๆ ก่อให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย และความไม่สงบเรียบร้อยของประชาชน มีการกระทำที่กระทบต่อขบวนเสด็จพระราชดำเนิน มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า มีการกระทำที่มีความรุนแรง กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยในชีวิตหรือทรัพย์สินของรัฐหรือบุคคล อันมิใช่การชุมนุมโดยสงบที่ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาไทย อีกทั้งยังกระทบโดยตรงต่อสัมฤทธิผลของมาตรการควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อันส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศที่อยู่ในภาวะเปราะบาง กรณีจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีมาตรการเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าวให้ยุติได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที เพื่อให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายและรักษาความสงบเรียบร้อยและประโยชน์ส่วนรวม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 11 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2548 นายกรัฐมนตรีจึงให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. 2563 เวลา 04.00 น. เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 15 ต.ค. 2563