พ่อพา มือยิงการ์ด ม็อบหน้า SCB เข้ามอบตัว หลังอาการบาดเจ็บดีขึ้น

พ่อพา มือยิงการ์ด ม็อบหน้า SCB เข้ามอบตัว หลังอาการบาดเจ็บดีขึ้น ก่อนสารภาพ ที่ยิงเพราะ เห็นต่างทางการเมือง ยืนยัน ไม่ได้เป็นสายให้ใครทั้งนั้น

ช่วงเที่ยงของวันนี้ (27 พ.ย.63) นายพีระวุฒิ อายุ 49 ปี พ่อของนายภาสพงศ์ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่รับอนุญาต, และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งเป็นอดีตนักเรียนอาชีวะมีนบุรีโปลีเทคนิค พร้อมนายธนเดช ศรีสงคราม อายุ 35 ปี หัวหน้ากลุ่มอาชีวะมีนบุรี พานายภาสพงศ์ มามอบตัวกับ พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผบก.น.2 และตำรวจ สน.พหลโยธิน
หลังนายภาสพงศ์ ก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 ยิงเข้าใส่นายประชากร อายุ 20 ปี อดีตนักเรียนเทคนิคปทุมธานี จนได้รับบาดเจ็บ ภายหลังจากแกนนำประกาศยุติการชุมนุม บริเวณด้านหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ถนนรัชดาภิเษก เมื่อคืนวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
เบื้องต้น นายภาสพงศ์ ผู้ก่อเหตุ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนสาเหตุ นายภาสพงศ์ กล่าวว่า ตนมีปัญหาส่วนตัวกับคนเจ็บ เพราะถูกฝ่ายคู่กรณีมาโพสต์เฟซบุ๊กแขวะเกี่ยวกับความเห็นต่างเรื่องการจาบจ้วงสถาบันที่พวกตนไม่เอาด้วย และมีกลุ่มรุ่นพี่ตนไปปราศรัยที่ จ.ชัยนาท โดยพูดถึงกลุ่มฟันเฟืองประชาธิปไตย ทั้งนี้ วันเกิดเหตุพวกตนมาที่รัชโยธินเพื่อเป็นการ์ดดูแลมวลชน แต่ไม่ได้สวมปลอกแขน เพราะ เข้ามาในฐานะประชาชน ยืนยันไม่ได้มีใครจ้างพวกตนมา เพราะ ขนาดเจ็บตัวก็ยังต้องออกเงินรักษาเอง
ภาพจากอีจัน
ด้าน นายพีระวุฒิ พ่อของนายภาสพงศ์ เปิดเผยว่า ตนรู้ว่า ลูกชายเป็นสมาชิกกลุ่มฟันเฟืองประชาธิปไตย ส่วนเหตุการณ์ตอนนั้นตนตกใจมาก เมื่อทราบข่าวทางโซเชียลว่าลูกชายไปยิงการ์ดในม็อบ หลังจากลูกชายรักษาตัวที่โรงพยาบาลเสร็จ จึงพาลูกมามอบตัวกับตำรวจ ยอมรับว่าไม่กังวล ขอให้ว่าตามหลักฐานและกฎหมาย ผิดก็คือผิด แมนๆ แบบลูกผู้ชาย ส่วนเรื่องทางคดีหลังจากนี้ จะขอปรึกษากับทนายพร้อมรวบรวมพยานหลักฐานทำเรื่องขอประกันตัวในชั้นสอบสวนต่อไป
ภาพจากอีจัน
ด้าน นายธนเดช หัวหน้ากลุ่มอาชีวะมีนบุรี ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเรื่องระหว่างบุคคล ไม่เกี่ยวกับเรื่องสถาบัน เรื่องม็อบ หรือการเมือง หรือการสร้างสถานการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ยืนยันว่า หากตนอยู่ด้วยก็จะไม่ให้เกิดเหตุนี้ขึ้น แต่ขอให้ตำรวจได้ทำงานก่อน จึงจะมีความชัดเจนว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร อีกทั้งยังเหลือผู้ก่อเหตุอีกหลายคนที่ยังหลบหนี พร้อมกับยืนยันว่า พวกตนไม่ได้เป็นสายข่าวให้กับคนกลุ่มใด ตามที่โลกออนไลน์เชื่อมโยงไป ทั้งนี้ ตนได้ทักแชทส่วนตัวไปขอโทษสถาบันคู่กรณีแล้ว แต่ทางคู่กรณีจะยอมรับหรือไม่ ก็เป็นสิทธิ์ของเขา