พี่ๆ อีจัน พอได้ทราบข่าวของน้องบอส ใจก็คิดว่า เราอยากไปหา อยากไปทำให้น้องมีความสุข อยากไปซะเดี๋ยวนี้เลย พอคิดแล้ว ก็ไม่รอช้า เราติดต่อไปหาแม่แอน เพื่อขออนุญาตไปเยี่ยมน้องบอส กับแม่แอน ทันทีที่แม่แอนตกลง เราวางแผนการเดินทาง เตรียมของ เพื่อเนรมิตหนึ่งวันที่แสนพิเศษให้กับน้องบอส และแม่แอน กับครอบครัว
และนี่ ก็คือความรู้สึก ที่กลั่นออกมาจากหัวใจ พี่ๆ ทีมงานอีจัน ที่ลงไปส่งกำลังใจให้น้องบอส พี่ๆ อยากบอกอะไรกับน้องบอส และแม่แอนกันบ้างนะ?
ตาต้า อีจัน กับความสุขล้นหัวใจที่ได้จากครอบครัว น้องบอส ด.ช. 5 ขวบ ป่วยมะเร็งต่อมหมวกไต ระยะสุดท้าย
“ความรู้สึกนี้สินะ ที่เป็นนิยามของคำว่าอิ่มเอมใจ” ประโยคนี้ผุดขึ้นมาในใจตัวเองทันที หลังเสร็จสิ้นภารกิจ หอบกำลังใจไปให้น้องบอสและครอบครัว
ก่อนวันเดินทางไปชัยนาท… พี่ยา บก.ข่าวอีจัน บอกว่า “ต้า พรุ่งนี้เราจะไปชัยนาทกันนะ ไปเยี่ยมน้องบอสกัน ไปให้กำลังใจครอบครัวน้องบอส ให้ได้เป็นคนที่ถูกดูแลบ้าง” เราก็ตอบตกลงทันที เย็นวันนั้นเราประชุมทีม มีน้องนุ๊กเป็นเชฟใหญ่ คิดเมนูพิเศษที่จะทำอาหารเลี้ยงครอบครัวน้องบอส และส่งทีมไปหาซื้อชุดเด็ก ของเล่นที่น้องบอสชอบ แล้วก็นัดแนะเวลาเดินทาง
เช้าวันที่ 10 ธ.ค. 63 เวลา 08.00 น. ทีมกำลังใจอีจัน (ตั้งชื่อเอง ฮ่าๆ) รวมตัวพร้อมออกเดินทาง ทุกคนในรถตื่นเต้นกันมาก คิดแต่ว่าจะไปทันเที่ยงมั้ย จะได้ทำอาหารเที่ยงเลี้ยงครอบครัวน้องบอส ไปถึงตลาดสดไอยรา น้องนุ๊กออกโรงเลือกของสดที่จะไปทำอาหารอย่างตั้งใจ เดินวนดูอาหารก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะอยากได้ของสด ของที่ดีที่สุด กุ้งต้องสด ตัวใหญ่ เอาให้ทุกคนได้กินอิ่มอร่อย ช็อปปิ้งของสดเสร็จ เราก็รีบบึ่งรถไปชัยนาททันที สรุป! ไม่ทันเที่ยงแฮะ ฮ่าๆๆ งั้นไม่เป็นไร ให้เป็นมื้อเย็นไปเลย ถือซะว่าวันนี้ทั้งวัน จันขอฝากตัวเป็นครอบครัวน้องบอสอีกคน
ตลอดทั้งช่วงบ่ายของวัน พวกเราพยายามเข้าหาน้องบอสกันสุดฤทธิ์ เพราะน้องบอสยังตื่นพวกเราอยู่ แม่แอนบอกว่า คนมาเยอะ น้องตกใจ เราก็ให้พื้นที่น้องบอส พยายามไม่ให้รบกวนน้องมากเกินไป น้องอยากเข้าบ้านไปดูการ์ตูน เราก็ปล่อยให้แม่แอนใช้ชีวิตเหมือนทุกวันได้เลย ไม่ต้องสนใจพวกเรา ฮ่าๆๆ ระหว่างที่ให้น้องบอสผ่อนคลาย เราก็คุยกับยายเล็ก ยายทวดของน้องบอส และแม่ๆเพื่อนบ้าน ที่มารวมตัวกันให้กำลังใจครอบครัวน้องบอส จะบอกว่าคนที่นี่น่ารักมากกกก ทุกคนเอ็นดูน้องบอสและแม่แอนกันหมด แม้จะเป็นเพื่อนบ้าน แต่อยู่เหมือนเป็นครอบครัวใหญ่กันเลย เราก็เลยชวนแม่ๆทุกคน ให้รอมากินข้าวเย็นด้วยกัน ซึ่งทุกคนก็โอเค
หลังดูการ์ตูนเสร็จ น้องบอสบอกแม่แอนว่าอยากออกมานั่งเปลข้างนอก นี่แหละ! เวลาของการตื๊ออีกครั้ง พวกเราพยายามเอาของเล่น เอาชุดเด็กที่เราซื้อมาฝากน้องบอสออกมานำเสนอ แต่น้องบอสก็ยังไม่สนใจ บอกแต่ว่าไม่เล่น แต่พอเราหยิบรถแบคโฮบังคบมาโชว์ แววตาของน้องก็เปลี่ยนไป สนใจขึ้นมาทันที เพราะน้องบอสชอบรถแบคโฮมาก เราเลยถามว่า “อยากเล่นมั้ยครับ บังคับได้ด้วยนะ” บอสก็พยักหน้า แค่นั้นแหละ พวกเรายิ้มกันจนแก้มปริ แต่ละคนรีบใส่ถ่าน ประกอบรถแบคโฮบังคับให้น้องบอสได้เล่น แล้วภาพที่เราคิดไว้ก็เป็นภาพจริงตรงหน้า น้องบอสบังคบรถแบคโฮเล่นด้วยความชื่นชอบ แล้วก็คุยกับแม่แอนตลอดเลย ตอนนั้นพวกเราทุกคนเหมือนหุ่น ได้แต่ยืนยิ้มมองน้องเล่น และลุ้นว่าน้องจะบังคับรถไปทางไหน ดูแม่กับลูกที่บังคับรถเล่นด้วยกันอย่างมีความสุข
อ่ะ ได้เวลารังสรรค์อาหารเย็น หลังน้องบอสเล่นจนเหนื่อย แม่แอนก็พากลับเข้าไปนอน พวกเราก็เริ่มลงมือเตรียมทำกับข้าว แต่ละคนรับบทผู้ช่วยเชฟนุ๊กอย่างขันแข็ง ยายเล็กก็เดินไม่หยุด คอยส่อง คอยดูแลพวกเราห่างๆ แม้เราจะบอกหลายรอบให้ยายเล็กไปนั่งเฉยๆ นั่งดูก็พอ ไม่ต้องหยิบจับอะไร พวกเราจะจัดการเอง แต่ยายเล็กก็ไม่สน ยังคอยช่วยหาเครื่องครัวมาให้ ส่วนแม่ๆบ้านใกล้ ก็ช่วยเราแบ่งปลาทูไปทอด ต้มไข่ ทอดไข่เจียว จนในที่สุดทุกอย่างก็เสร็จพร้อมทาน
ตอนแรกเรียกยายเล็กให้มานั่งโต๊ะก็ไม่ยอมมา จนเราต้องเดินไปจูงแขนพามานั่ง แล้วก็พาตามานั่งข้างๆ เพราะตาสายตาไม่ดีแล้ว เป็นต้อทั้งสองข้าง มองเห็นแค่มัวๆ แล้วภาพที่แสนประทับใจก็เกิดขึ้นตรงหน้าเราอีกครั้ง ยายเล็กไม่ห่วงตัวเอง แต่ตักกับข้าวใส่จานให้ตาก่อนเลย บอกให้ตาลองชิมซุปไก่ แล้วตัวเองค่อยเริ่มกิน โอ้โห มันเป็นภาพความรักของคู่ชีวิตจริงๆ แล้วเราก็เรียกแม่แอนให้ออกมากินข้าวก่อน เพราะเวลานี้น้องบอสยังหลับอยู่ เราก็เรียกแม่ๆเพื่อนบ้านมากินด้วยกัน
แต่ตอนนั้นแม่ๆก็มีเซอร์ไพรส์มาให้ทีมงาน “เปี๊ยบสักหน่อยมั้ยล่ะ ก่อนกินข้าว” เอ๊ะ เปี๊ยบอะไรล่ะแม่ อ๋อออ ยาดองเสือ 11 ตัว ฮ่าๆๆ เอ้า แม่ๆตั้งใจมอบให้ ก็ส่งตัวแทนไปเปี๊ยบสักหน่อย แล้วทุกคนก็มานั่งล้อมโต๊ะกินข้าวกัน กับอาหารที่พวกเราตั้งใจทำให้ จังหวะนั้นน้องบอสก็ตื่นพอดี แม่แอนเลยไปอุ้มน้องมานั่งโต๊ะด้วยกัน บอสตาโตมองกุ้งเผาตรงหน้า แม่แอนถาม “อยากกินมั้ย” บอสบอก “อยากกินกุ้ง” แม่แอนก็รีบแกะป้อนน้องทันที แม่และลูกได้กินอาหารที่ไม่ได้กินมานานแล้ว ภาพนี้ทำเราสุขใจมาก เราก็เดินไลฟ์สดในเพจอีจันไป พร้อมกับมองภาพตรงหน้า นาทีนั้นไม่รู้สึกหิวเลย เราไม่ได้ร่วมวงอาหารมื้อพิเศษนั้น แต่เรากลับอิ่มมาก มันอิ่มเอมใจ มีความสุขใจมากๆ ทุกคนพูดคุยกัน หัวเราะกัน บอสก็กินได้นิดหน่อยแล้วก็อิ่ม เพราะน้องป่วยอยู่เราก็เข้าใจ อย่างน้อยน้องก็ได้กินกุ้งของโปรด “พี่ดีใจมากเลยครับที่น้องบอสกินได้” ^^
แต่กลับกัน น้องบอสพร้อมที่จะสู้เพื่อที่จะอยู่ แม่แอนก็สู้เพื่อที่จะดูแลน้องบอส และมอบความรักให้น้องบอสต่อไป จากสีหน้าที่ดูเศร้ากลายเป็นรอยยิ้ม พี่ๆ อีจัน ได้ซื้อของเล่นที่น้องบอสชอบมาให้ คือ รถแบคโฮ
รอยยิ้มที่ฝ่าโรคร้าย ออกมาให้เราได้เห็น น้องเล่นและบังคับรถแบคโฮ ได้อย่างคล่องแคล่วมาก ตักดินเล่นอย่างสนุก ทุกคนที่อยู่ตรงจุดนั่นก็ชื่นใจหน้าบานกันไปสุดๆๆ ที่เราได้ทำอย่างที่คิดเอาไว้ได้แล้ว ทำให้น้องบอสและแม่แอนมีรอยยิ้ม
หลังจากนั้นเราได้ทำการเตรียมอาหาร เราได้เชฟมือดี “น้องนุ๊กอีจัน” น้องนุ๊กได้จัดการซื้อของการตลาดสดไอยรา ซื้อกุ้งก้ามกราม เตรียมที่จะย่าง และ ไก่เพื่อเอาไปทำซุปไก่ให้คุณตาของน้องบอสได้รับประทานแบบอ่อนๆ น้องนุ๊กอยากให้อาหารมื้อนี้ เป็นอีกหนึ่งมื้อให้ครอบครัวน้องบอสได้ตั้งโต๊ะกินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา ลิ้มรสชาติการใส่ใจปรุงอาหารของน้องนุ๊ก น้องตั้งใจทำอาหารอย่างสุดฝืมือเพื่อความสุขของน้องบอสและครอบครัว
ความรู้สึกที่ดีใจ ที่เราได้ทำสิ่งดีๆๆ ในช่วงเวลาที่เหลืออีกไม่นาน ขอให้น้องบอสสู้ต่อไปอย่างมีหวัง และมีรอยยิ้ม รอยยิ้มจะทำให้โรคร้ายนิ่งสงบไปได้
ส่วนพี่เมย์ โปรดิวเซอร์อีเต้ยอีจัน บอกว่า…
ตื่นเต้นมากๆ พอรู้ว่าจะได้ไปสร้างความสุขและไปเยี่ยมน้องบอส ตื่นเต้นสุดๆ แต่พอไปถึง ได้เห็นน้องแล้ว ทุกอย่างนิ่งสงบมาก จนเรารู้สึกสงสารน้องจนพูดไม่ออก เด็ก 5 ขวบ ต้องเจออะไรที่มันหนักหนาขนาดนี้เลยเหรอ มันสะเทือนใจมากๆ
แต่เราทุกคนต้องยิ้มและสร้างความสุขให้น้อง น้องอายุแค่นี้น้องยังสู้เลย หลังจากได้เริ่มคุยกับน้องกับแม่แอน ทุกอย่างมันหน่วง มันจุกจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมา แม่แอนเล่าเรื่องราวให้ฟัง ยิ่งทำให้ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมโชคชะตาคนเรามันต้องเป็นแบบนี้ คนคนนึงมันจะสามารถทุกข์แล้ว ยังทุกข์อีก ความทุกข์ถาโถมเข้ามาได้ขนาดนี้ แม่แอนโครตเก่งเลย ยอมรับจริงๆ ตอนนั้นคือทำอะไรไม่ถูก ทุกคำที่แม่แอนเล่า น้ำตาไหลตลอดแต่ใส่แว่นดำปิดไว้
ประโยคนึงที่เราถามแม่ว่า เคยท้อไหม อายุเราแค่นี้ เจอหลายๆ เรื่อง ตอนนั้นในหัวแม่คิดอะไรอยู่
พอแม่ตอบมาว่า “เคยท้อนะ คิดสารพัด” แล้วแม่แอนก็น้ำตาคลอ คือตอนนั้นเราหูดับไปเลย ทุกอย่างมันแบบไม่ไหวแล้ว ลุกออกจากตรงนั้น แอบไปนั่งร้องไห้อยู่ข้างล้อรถ คือแบบ มันบีบหัวใจอะ เราไม่ใช่คนที่เจอเรื่องทุกข์นั้น แต่เรารู้สึกได้ แอนอายุ 24 ปี อายุน้อยกว่าเราอีก แต่แอนโครตแกร่งเลยที่เจอความทุกข์ แล้วสู้และรับมือกับมันได้ขนาดนี้ นับถือจริงๆ เสียงของแอน ที่บอกว่า ลูกสู้ แอนก็สู้ มันยังก้องอยู่ในหัวจนถึงตอนนี้
พี่นุ๊ก รับบทแม่ครัว ปรุงความสุขให้กับทุกคน บอกว่า
เราได้รับบทแม่ครัว มื้อพิเศษที่เราตั้งใจตั้งเเต่เเรกกำลังจะถูกปรุงด้วยหัวใจ ความชอบทำอาหารให้คนอื่นกิน มันอยู่ในชีวิตเราตั้งเเต่เด็กอยู่เเล้ว
พออาหารขึ้นโต๊ะทุกคนกินอิ่ม เราไม่อยากรู้เเบ้วว่ารสชาติอาหารดีหรือแย่ ทุกอย่างมันตอบเราหมดเเล้ว เขาชอบอาหารมื้อนี้ เขากินอย่างตั้งใจ ภาพที่เห็นตรงหน้าย้ำใจเราว่า เราทำถูกเเล้ว เเละจงทำต่อไป
"กับข้าวอร่อยมากๆ ไว้มาทำให้กินอีกนะ มาอยู่ด้วยกันก็ได้ กลับไปคงนอนไม่หลับ คิดถึงเเย่"
ประโยคนี้จากคุณยายทวดน้องบอส ทำให้เรารู้ว่า นานเเค่ไหนเเล้วที่เขาไม่ได้ทานอาหารดีๆ นานเเค่ไหนเเล้ว ที่ไม่มีคนมาหา มามอบกำลังใจให้เขาอย่างที่พวกเราทำแบบนี้
"อยากให้อาหารมื้อนี้ เป็นอีกหนึ่งมื้อที่เวลาครอบครัวยายท้อ ให้นึกถึงกุ้งตัวที่หนูตั้งใจเเกะนะ เวลาตาหมดหวัง ให้นึกถึงรสชาติปลาทูที่หนู บรรจงเเกะให้นะคะ รสชาติของความตั้งใจ รสชาติของความห่วงหา ความหวังดี พวกหนูมีให้ครอบครัวนี้เสมอ"
อ่านเรื่องราวจากพี่นุ๊กฉบับเต็มๆ https://www.facebook.com/niradcharin/posts/3532888033455332
ส่วนพี่ขวัญ ต้องบอกก่อนว่า นี่เป็นครั้งแรกที่พี่ขวัญได้มาส่งพลังบวกกับทีมอีจัน แม้เป็นครั้งแรก แต่ก็ประทับใจจนไม่อาจลืม
การมาของน้องๆ อีจัน ในครั้งนี้ ทุกคนตั้งใจกันมากจริงๆ ที่อยากทำให้น้องบอส กับ แม่แอน และครอบครัวมีความสุข ทุกคนยิ้ม หัวเราะ สนุกไปด้วยกัน ได้ทำสิ่งดีๆ ร่วมกัน แต่ที่มันสุขใจยิ่งกว่าคือ ญาติ ครอบครัว แม่แอน ก็มีความสุขไปกับพวกเรา ยิ้มแย้ม หัวเราะกันสนุกสนาน เหมือนพวกเราเป็นลูกหลานของท่าน
สุขสุดๆ คือการได้เห็น น้องบอส ทั้งบ้านแม่แอน กับเพื่อนบ้านมากินอาหารที่ทีมอีจันทำ ร่วมวงกินข้าวด้วยกันด้วยรอยยิ้ม สุขใจทั้งคนกิน คนทำ เพราะทุกคนไม่ได้มาทำงาน แต่มาสร้างความสุข ความสุขเพราะเป็นผู้ให้ มันคือที่สุดแล้ว
อ่านเรื่องราวจากพี่ขวัญฉบับเต็มๆ https://www.facebook.com/kwanseaktrakool/posts/4092301660783374
“เราสู้ เพราะลูกเราสู้ เราต้องสู้เหมือนที่ลูกเราสู้” ประโยคนี้ ยังก้องอยู่ในหัวใจของพี่เบลล์
วันที่ 9 ธ.ค. 63 ตอนเย็น ตอนนั้นพี่ไปออกหมายที่ ต่างจังหวัด วันนั้นตอนเย็น ยาหยี ทักมาบอกว่า ตอนเย็นมีประชุมนะ เราก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่าคงเป็นเรื่องงานปกติ แต่พอกลับมาถึงออฟฟิศ หัวข้อการประชุมที่เราคิดว่าคงต้องเป็นเรื่องงานแน่ๆ มันกลับไม่ใช่ เพราะเราจะยกทีมอีจันไปชัยนาทกัน ไปหาน้องบอส กับครอบครัว ไปทำให้เขามีความสุข ให้หนึ่งวันของเขาเป็นวันที่แสนพิเศษ
พี่ดีใจมาก ที่พี่จะได้ไปหาน้อง เพราะพี่ได้อ่านเรื่องราวของน้องแล้วพี่รู้สึกว่า พี่อยากไปหาน้อง พี่อยากไปให้กำลังใจ พี่อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ในการดูแลน้อง และให้น้องมีความสุข
เช้าวันที่ 10 ธ.ค. 63 เรารวมทีมกันเดินซื้อของที่ตลาด เพราะพวกเราตั้งใจจะไปทำกับข้าวให้แม่แอน และทั้งบ้านแม่แอนได้ทานกันด้วย น้องนุ๊กบอกว่า น้องนุ๊กเลือกกุ้ง เพราะแม่แอน เคยบอกว่า กินกุ้งครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ จำไม่ได้แล้ว…
ส่วนพวกเราแก๊งพี่ๆ อีจัน ก็ช่วยกันเตรียมมื้อเย็นที่แสนพิเศษ โดยมีน้องนุ๊กเป็นเชฟใหญ่
อาหารเสร็จสรรพตอนเกือบ 6 โมง เรียกแม่ๆ มากินกัน แรกๆ แม่ๆ ยายๆ ไม่กล้ามากินกัน อาจเพราะเกรงใจ ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก เราตื๊อจนในที่สุด แม่แอน ยายเล็ก แม่ๆ เพื่อนบ้าน ก็มานั่งร่วมวงกินอาหารกับเราจนได้ น้องบอสอยากกินอะไร แม่แอนก็คอยป้อนให้ ทุกคนหัวเราะ ยิ้มให้กัน มันเป็นภาพที่สุขใจอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ เพราะอาหารมื้อนี้ เป็นมื้อพิเศษสำหรับพวกเขามากๆ ค่ะ กุ้งตัวโต ไก่น่องใหญ่ น้ำพริกแสนอร่อย
ระหว่างทานข้าว เรารู้มาว่าน้องบอสอยากไปทะเล และเราก็อยากจะทำฝันน้องบอสให้เป็นจริงนะ ^_^
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา…ทุกคนอิ่มท้อง เราอิ่มใจ ก็ถึงเวลาต้องลากลับ เรากอดลายายเล็ก กอดลาแม่แอน และให้เสื้อ อีจัน ด้วยนะ เพราะเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว
เรื่องราวที่เกิดขึ้นใน 1 วัน จะเป็นวันแห่งความประทับใจที่อยู่ในใจพี่ตลอดไป เพราะน้องคือฮีโร่ในความเข้มแข็งของพี่นะ