ผู้ว่าฯ ททท. ยื่นหนังสือกล่าวโทษผู้กระทำผิด โครงการเราเที่ยวด้วยกัน

เอาจริง! ผู้ว่าฯ ททท. เข้ายื่นหนังสือ กล่าวโทษ กลุ่มทุจริต โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน ที่ สตช. หลังพบผู้ประกอบการโรงแรม-ร้านค้าเข้าข่ายร่วม 500 รายการ!

ททท.ไม่ปล่อยคนโฉบฉวยลอยนวล เล็งดำเนินคดีเอาผิดให้ถึงที่สุด!

หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการในไทย ได้รับผลกระทบทุกหย่อมหญ้า ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม

รัฐบาลเเละการท่องเที่ยวเเห่งประเทศไทย จึงเปิดโครงการหลายโครงการเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายเเละการท่องเที่ยวในประเทศ

หนึ่งในนั้นคือโครงการ "เราเที่ยวไปด้วยกัน" เพื่อช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายค่าโรงเเรม ,ค่าเที่ยวบิน ,ค่าอาหาร ตามที่โครงการกำหนด ซึ่งเปิดให้ลงทะเบียนตั้งเเต่ 15 ก.ค. 2563 ที่ผ่านมา เเละมีผู้ลงทะเบียนรับสิทธิ์อย่างล้นหลาม

ภาพจากอีจัน
เวลาผ่านมา มีปชช. ทยอยออกไปใช้สิทธิ์กันอย่าคึกครื้น เเต่ก็มีวายเจอคนโฉบฉวยโอกาส ทุจริตในโครงการนี้ ล่าสุดวันนี้ 16 ธ.ค.2563 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เข้ายื่นหนังสือกล่าวโทษร้องทุกข์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ เพื่อจากการตรวจสอบการทุจริตพบว่า มีผู้ประกอบการเข้าข่ายต้องสงสัยทุจริตรวมกว่า 500 ราย แบ่งเป็น โรงแรม จำนวน 312 แห่ง และร้านค้าราว 200 แห่ง
ภาพจากอีจัน
โดยแบ่งเป็น 6 รูปแบบของการกระทำที่เข้าข่าย เป็นการทุจริตต่อโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน ทั้งโรงแรมและร้านค้า ร้านอาหารที่รับคูปอง ดังนี้ 1.เข้าพักในโรงแรมราคาถูก เช่น โฮสเทล เช็คอินผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง แต่ไม่ได้เข้าพักจริง และได้ประโยชน์จากการใช้คูปอง 2.โรงแรมขึ้นราคาค่าห้องพัก รู้เห็นเป็นใจกับร้านอาหาร ร้านค้าที่รับคูปอง มีการซื้อขายสิทธิ์ภูมิลำเนากัน ไม่ได้เกิดการเดินทางจริง ซึ่งจะไม่สามารถทำได้ ถ้าโรงแรมไม่รู้เห็นด้วย 3.โรงแรมมีตัวตน ลงทะเบียนถูกต้อง แต่ยังไม่กลับมาเปิดบริการ แล้วทำการเปิดขายห้องพัก และมียอดเรียกสนับสนุนงบประมาณลงไป 4.ใช้ส่วนต่างของคูปองเติมเงิน เติมให้เพื่อรับส่วนต่างเต็มจำนวน ซึ่งจะเห็นยอดการใช้คูปองเต็มจำนวนบ่อยครั้ง 5.มีการเข้าพักโรงแรมจริง แต่มาเป็นกลุ่มใหญ่แบบเหมา ได้ราคาสูง และได้เงินทอน ซึ่งจะไม่สามารถทำได้ ถ้าโรงแรมไม่รู้เห็น 6. Over Capacity เช่น โรงแรมมีห้องพัก 100 ห้อง แต่เพิ่มจำนวนเปิดให้พัก 300 ห้อง แล้วรับจนเต็มสิทธิ์ และเรียกยอดเงินสนับสนุนงบประมาณ
ภาพจากอีจัน
โดยทางสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ ได้รับเรื่องไว้พร้อมเผยว่า จะเร่งกระจายข้อมูลที่มีให้กับชุดสืบสวนในเเต่ละพื้นที่ เเละจะดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน หากกระทำผิดจริงก็ต่องถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการหรือปชช.ผู้ใช้สิทธิ์ ถ้ามีส่วนรู้เห็นเเละรับเงินทอนก็ต้องถูกดำเนินคดี ก่อนผู้ว่าฯ ททท.จะฝากถึงพฤติการณ์ของกลุ่มทุจริตนี้ ถือเป็นการปิดกั้นผู้ประกอบการรายอื่นๆ เพราะโครงการนี้เป็นโครงการนี้เป็นการใช้งบประมาณเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในสถานกานณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และช่วยเหลือผู้ประกอบการเเต่ผู้ประกอบการ กับเลือกทุจริตเงิน
ภาพจากอีจัน
ซึ่งผู้ประกอบการที่ตรวจสอบเเล้ว กระทำผิดจริงจะต้องถอดโรงแรมนั้นออกจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และเปิดเผยชื่อให้ประชาชนรู้ และจะไม่สามารถร่วมโครงการใด ๆ กับรัฐบาลได้อีก ขณะเดียวกันจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นสูงสุด ส่วนเรื่องการขยายสิทธิ์ 1 ล้านสิทธิ์ ที่ต้องชะลอหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ด้านผู้ว่าฯ ททท. จะเร่งดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วนเพื่อไม่ให้กระทบกับภาพรวมจองการดำเนินโครงการเราเที่ยวกันที่จะสิ้นสุด 30 เมษายน 2564 นี้

#AmazingThailand
#การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
#เราเที่ยวด้วยกัน