พ.ต.ท.โรมรัญ เล่าต่อว่า เมื่อมามาถึงก็พยายามเข้าเจรจา แต่ก็ไม่เป็นผล ลูกน้องจึงมาแจ้งว่านี่คือ ครอบครัวหัวร้อน ที่เคยเป็นข่าวว่าก่อเหตุในลักษณะนี้ ตนจึงได้สอบถามไปเลยว่า พวกคุณใช่ ครอบครัวหัวร้อน ไหม ซึ่งทางนั้นก็ตอบว่าใช่ เคยมีเรื่องกับตำรวจมาบตาพุด ต่อยตำรวจมาแล้ว ระหว่างที่พยายามเจรจาให้ ครอบครัวหัวร้อน เดินทางไปที่ สน.ดินแดง เพื่อทำเรื่องขอตรวจสอบ และแจ้งความในฐานความผิด ดูหมิ่นเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติงาน แต่ครอบครัวหัวร้อน ก็ไม่ยอมไป พร้อมทั้งบอกว่าให้คุยกับทนาย ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้ตนคุย ในปลายสายก็ไม่รู้ว่าใช่ทนายจริงหรือไม่ แต่ตนก็ได้แจ้งว่า ครอบครัวหัวร้อน กระทำผิดกฎหมาย ต้องเชิญตัวไปคุยกันต่อและดำเนินคดีที่ สน.ดินแดง
ในตอนนั้นทางทนายความก็พยายามขอความเห็นใจจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าให้ ครอบครัวหัวร้อน ขอโทษแล้วจบไปได้ไหม แต่เนื่องจากความผิดเกิดขึ้นแล้ว และเรื่องก็บานปลาย ยังไงก็ปล่อยไปไม่ได้ ก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนให้กับฝั่ง ครอบครัวหัวร้อน จากนั้นสักพัก ครอบครัวหัวร้อน ก็มีท่าทีอ่อนลง และยอมขับรถตามไปที่ สน.ดินแดง เมื่อมาถึง ครอบครัวหัวร้อน ก็ได้ขอโทษเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งบอกว่า เคยโดนมาหลายคดีแล้ว ถ้าโดนครั้งนี้อีกโทษคงจะหนักขึ้น เจ้าหน้าที่จึงขอดูใบขับขี่จากคนขับรถ พบว่า ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา กับ นายพะยอม แสงวันดี อายุ 33 ปี ผู้เป็นพ่อ คือ ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ , นำรถที่ไม่ได้จดทะเบียนมาใช้ในทาง และดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่
อีจัน ติดต่อหา พ.ต.ท.โรมรัญ ศรีเรือง สวจร. สน.ดินแดง เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พ.ต.ท.โรมรัญ เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อวานนี้ (24 ก.พ. 64) เวลาประมาณ 17.30 น. เจ้าหน้าที่จราจร สน.ดินแดง กำลังอยู่ระหว่างตรวจการจราจร บริเวณป้อมตำรวจแยกโบสถ์แม่พระ ก็พบรถกระบะคันหนึ่ง ขับมุ่งหน้ามาจากแยกโบสถ์แม่พระ จะไปวิภาวดี พบว่าในรถกระบะ มีคนนั่งที่กระบะมาประมาณ 10 คน ยังมีในแค็บ 2 ตอนด้วย แน่นทั้งคันรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเรียกให้จอดเพื่อขอตรวจสอบใบขับขี่ เนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 ต้องเข้มงวดเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงาน
ปรากฏว่าคนที่อยู่ในรถ (อีจันขอเรียกว่า ครอบครัวหัวร้อน ที่หลายๆคนขนานนามพวกเขานะคะ) ก็ได้ลงรถมากันทั้งหมด เจ้าหน้าที่จึงขอดูใบขับขี่ ฝ่ายนั้นก็ไม่ยอมให้ดู และถามว่ามีสิทธิ์อะไรมาตรวจ พร้อมทั้งบอกว่าที่ต้องขนแรงงานใส่กระบะเพราะทำก่อสร้างแรงงาน เจ้าหน้าที่จราจรจึงถามต่อว่า เป็นแรงงานต่างด้าวหรือคนไทย และจะเดินทางไปที่ไหนกัน ครอบครัวหัวร้อน ก็พากันร้องเพลงชาติให้เจ้าหน้าที่ฟัง ซึ่งก็ร้องกันได้ถูกต้อง ช่วงนั้น ครอบครัวหัวร้อน ก็เริ่มใช้อารมณ์ในการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ และมีการโต้เถียงเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งถ่ายคลิปวิดีโอ พยายามพูดจาบ่ายเบี่ยง โต้เถียงว่าตนไม่ได้กระทำผิด ขณะนั้นเจ้าหน้าที่อยู่คนเดียว ควบคุมไม่ไหว จึงประสานขอกำลังเสริม แต่ขอมา 3 ทีม ก็ยังควบคุมเหตุไม่ได้ จนต้อง ประสานมาหาตนให้มาด้วยตนเอง
ล่าสุดวันนี้(25 ก.พ. 64) เมื่อเวลา 10.30 น. เจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายพะยอม ไปฝากขังที่ศาลแขวงพระนครเหนือแล้ว ส่วนจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ อยู่ที่ดุลยพินิจของศาล