เริ่มดราม่ามาสักพักใหญ่ สำหรับชีวิตหลักสึกของ ทิดไพรวัลย์ วรรณบุตร หลังตัดสินใจ ลาสิกขามาเจอทางโลกและเดินหน้าเข้าวงการ
แต่เหมือนกับว่าชีวิตหลังสึก เริ่มไม่สุขซะแล้ว
เพราะทุกการเคลื่อนไหวของทิด ไพรวัลย์ กลายเป็นที่จับตามองของชาวเน็ต จนเกิดเป็นดราม่าใหญ่กลางรายการดัง
ก่อนหน้านี้ทิด ไพรวัลย์ โดนกระแสจวกไม่ว่าจะเป็น เทนต์กับคู่จิ้นหนุ่มเกาหลีอย่าง ‘มินยง’ แทน รวมทั้งการรับงานโฆษณา พรีเซนเตอร์ต่าง ๆ ต่างทำให้กองเชียร์รู้สึกผิดหวัง และเริ่มทำให้ยอดผู้ติดตามเริ่มหายไป
และการใช้คำพูดหยาบคายตอกกลับคอมเมนต์คนติดตาม ที่แสดงความคิดเห็นเชิงบูลลี่ ชาวเน็ตเลยขุดภาพตอนที่ทิด ไพรวัลย์ สอนตอนยังเป็นพระสงฆ์ เรื่องการปล่อยวางให้อภัยคนอื่น
ล่าสุดวานนี้ 28 ม.ค.2565 ดราม่าใหญ่สดๆร้อนๆ จนทำให้เรื่องนี้ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 ในทวิตเตอร์ทันที โดยใน ‘รายการนินทาประเทศไทย’ ของน้าเน็ก ซึ่งทิด ไพรวัลย์ ได้ไปร่วมเป็นผู้ดำเนินรายการด้วย และคนแต่กลับให้ความสำคัญกับเรื่องของทิด ไพรวัลย์ มากที่สุด น้าเน็กให้ทิด ไพรวัลย์ ได้ชี้แจงประเด็นต่างๆ ในส่วนที่ชาวเน็ตสงสัย ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เพราะทิด ไพรวัลย์ ก็ได้ประกาศยุติบทบาท ในการจัดรายการ นินทาประเทศไทย กลางอากาศ
ทำเอาพิธีกรที่เหลือไปไม่เป็น หน้าเหวอไปตามๆกัน ส่วนเจ้าของรายการอย่างน้าเน็ก ทำหน้าเน็กถึงกับสบถออกมาว่า “ไอ้ เหี้- ฉิบหา_ แล้ว แล้วกูจะยังไงวะเนี่ย” หลังจากนั้น ทิดไพรวัลย์ ก็ได้เดินออกจากรายการไป
ก่อนที่ทิดไพรวัลย์จะโพสต์ชี้แจงในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังเกิดเหตุการณ์
โดยระบุว่า
ผมมีหลักคิดของผมแค่ว่า ถ้าสิ่งที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ หรือสิ่งที่ผู้คนผิดหวังในตัวผม ไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดจากการที่ผมไปทำร้ายหรือทำลายความปกติสุขในชีวิตของใคร ผมมีสิทธิ์ที่จะเป็น หรือมีสิทธิ์ที่จะเลือกมันได้
วันหนึ่ง แม้ต่อให้ผู้คนเลิกติดตามและเลิกสนใจผมกันหมด ผมก็คิดว่า นั่นก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่ได้ผิดอะไร และมันสามารถเกิดขึ้นได้ เป็นธรรมดา ผมจะยอมรับนะครับ และผมไม่เสียใจ
ในการมีชีวิต ผมสนใจแค่ว่า ผมทำอะไรผิดต่อคนอื่นหรือเปล่า ผมสร้างปัญหาและความเดือดร้อนให้กับชีวิตของใครบ้างไหม ซึ่งแม้ถึงตอนนี้ ผมก็ยังยืนยันกับตัวเองว่า ผมไม่ได้ทำอะไรที่ว่านั้น
ชีวิตผม ผมไม่ได้ต้องการ แค่การทำอะไรก็ได้เพื่อให้ถูกใจคนอื่น หรือทำตามที่คนอื่นต้องการ เพื่อแลกกับงานหรือแลกกับเงิน
ผมดีใจนะครับ ถ้าผมได้ใช้ชีวิตในแบบของผมเอง แม้ชีวิตที่ว่านี้ จะทำให้ผมต้องกลับบ้าน (ซึ่งก็อยากกลับมากแล้วเต็มที) เพื่อไปอยู่กับพ่อแม่หรือญาติพี่น้องที่ผมรักตามอัตภาพอย่างที่ควรจะเป็น
ปล. ผมตอบกับทุกคนที่ถามผมเหมือนกันหมดว่า ผมไม่ได้ต้องการทำงานในวงการ ที่ผมยังรับงาน (ซึ่งก็ต้องขอบคุณที่มีงานให้รับ) และเลือกอยู่กรุงเทพ เพราะผมเห็นว่า ได้อยู่ใกล้แม่ เพราะแม่เองก็ยังต้องรักษาตัวที่กรุงเทพเหมือนกัน ผมพูดกับแม่ทุกครั้งว่า หายแล้วกลับบ้านเรานะ ไปทำอะไรก็ได้เล็กๆ แต่ได้อยู่บ้านด้วยกัน
คงต้องติดตามกันต่อ ดราม่านี้จะจบลงยังไง แต่อีจันเข้าใจทั้ง 2 ฝ่ายนะคะ ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีนะคะ
คลิปอีจันแนะนำ
รวมคำสอน จากอดีตพระมหาไพรวัลย์