เปิด ฉายารัฐสภา ปี 64 ” สภาอับปาง ” กับ วาทะเด็ดแห่งปี

มาแล้วจ้า เปิด ฉายารัฐสภา ปี 64 “ สภาอับปาง ” เป็นประจำทุกปี ของ นักข่าวสายทำเนียบ สายสภาฯ จะมีฉายาเพื่อเป็นการสะท้อนการทำงานตลอดปีที่ผ่านมา และ วาทะเด็ดแห่งปี “ วัคซีนเต็มแขน ”

เริ่มแถลงเปิดหมัดเด็ด เป็นประจำทุกปีที่นักข่าวสายทำเนียบ สายสภาฯ จะมีการปล่อยชุดฉายานักการเมือง ตำแหน่งต่าง ๆ ออกมา เพื่อเป็นการสะท้อนบทบาทหน้าที่การทำงานตลอดปีของเหล่านักการเมือง จากนักข่าวประจำสภา เผยออกมาเป็นที่เรียบร้อย
เริ่มที่ฉายาสภาผู้แทนราษฎร กับฉายาที่ว่า

“ สภาอับปาง ”

+ สภาอับปาง

สภาผู้แทนราษฎรเปรียบเหมือนเรือลำใหญ่ ที่แบกความรับผิดชอบชีวิตของประชาชน มีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานฝ่ายบริหาร และเห็นชอบร่างกฎหมายต่างๆ ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขราษฎร แต่เรือลำนี้ในรอบปี 2564 กลับเจอปัญหาสภาล่มบ่อยครั้งจนกลายเป็นเรื่องปกติ ถ้าเปรียบเป็นเรือก็เหมือนเรือที่กำลังอับปาง
แถมไม่คิดที่จะอุดรูรั่วเพื่อป้องกันปัญหาต่างๆ แต่ต้องหยุดชะงักลงทำให้ประเทศสูญเสียโอกาสในหลายด้านเพียงเพราะ ส.ส.บางคนขาดความรับผิดชอบ ไม่คิดถึงหน้าที่ขณะที่บางฝ่ายเล่นแต่เกมการเมือง สะท้อนถึงการไม่ยึดถือประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน
ฉายาวุฒิสภา กับฉายาที่ว่า

” ผู้เฒ่าเฝ้ามรดก (คสช.) “

+ ผู้เฒ่าเฝ้ามรดก (คสช.)

ส.ว. ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และถูกมองว่าคอยทำหน้าที่ปกป้องเฝ้ารักษาโครงสร้างและกลไกสืบทอดอำนาจของคสช. โดยเฉพาะการแก้รัฐธรรมนูญที่ทั้งฝ่ายค้าน และภาคประชาชนพยายามเสนอขอแก้ไข มรดกของ คสช. การจะยกเลิกแผนการปฏิรูปประเทศ และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี การยกเลิกคำสั่งต่างๆ ของคสช. และการยกเลิกอำนาจของ ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เหมือนกับคอยปกป้องมรดกของ คสช.ให้อยู่ยั้งยืนยง

ฉายาประธานสภาผู้แทนราษฎร กับฉายาที่ว่า

” ชวนพลังท่อม “

+ ชวนพลังท่อม

จากการทำงานของ “ นายชวน หลีกภัย ” ที่นั่งเป็นประธานในการประชุมสภาฯ และการประชุมรัฐสภา ที่สามารถนั่งควบคุมการประชุมได้อย่างยาวนาน มีความคล่องแคล่ว เสร็จจากงานประธาน ก็มีภารกิจอีกมากมาย และยังใช้เวลาว่างขึ้นเหนือล่องใต้เยี่ยมเยือนประชาชนทั่วประเทศอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เหมือนกับคนที่เคี้ยวใบกระท่อม และมีเรี่ยวแรง อึด ถึก ทน ทั้งที่อายุถึง 83 ปีแล้ว
ฉายา ประธานวุฒิสภา กับฉายาที่ว่า

” ร่างทรง “

+ ร่างทรง

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ทำงานให้คสช.มายาวนาน ตั้งแต่สมัยคสช.เรืองอำนาจ ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จนมาถึงยุคปัจจุบันที่คสช. กลายร่างมาเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง นายพรเพชรก็ยังได้รับความไว้วางใจต่อเนื่องให้เป็นประธานวุฒิสภา เพื่อเป็นหัวขบวนของสมาชิกวุฒิสภาคอยช่วยเหลือสนับสนุนภารกิจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
บทบาทของนายพรเพชร ในฐานะประธานวุฒิสภา ไม่มีความโดดเด่น ทั้งที่เป็นถึงประมุขสภาสูง และยังถูกมองว่า คอยสนองความต้องการของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ตำแหน่งประมุขสภาสูงของนายพรเพชร จึงเป็นเพียงหัวโขนทางการเมือง แต่ไม่มีอำนาจแท้จริง ไม่ต่างจากร่างทรงที่ถูกฝ่ายกุมอำนาจกุมบังเหียน ต้องคอยช่วยคอนโทรลให้การทำงานของวุฒิสภาเป็นไปตามความต้องการของรัฐบาล
ฉายาผู้นำฝ่ายค้าน (นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ) กับฉายาที่ว่า

“ สมพงษ์ตกสวรรค์ ”

+ สมพงษ์ตกสวรรค์

ถึงปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ จากนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ก็ตาม แต่ นพ.ชลน่าน เพิ่งเข้ามา สื่อสภาจึงขอตั้งฉายาให้กับนายสมพงษ์ไปก่อน ด้วยความที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านอย่างไร้บทบาท ไม่โดดเด่น มิหนำซ้ำและใช้พูดๆ ถูกๆ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล อยู่บ่อยครั้ง กระทั่งมีการประชุมใหญ่สามัญพรรคเพื่อไทย นายสมพงษ์ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เท่ากับว่าหลุดจากตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ โดยปริยาย จึงเปรียบได้ว่าเป็น “สมพงษ์ตกสวรรค์”
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กับฉายาที่ว่า

” ดาวเด่นแห่งปี “

+ ดาวเด่นแห่งปี

โดย นพ.ชลน่าน มีบทบาทในวิปฝ่ายค้านมานาน แต่กลับพลาดตำแหน่งสำคัญๆ ทว่า คนเป็นดาวเด่นย่อมมีแสงในตัวเอง โด่ดเด่นในสภามาอย่างตลอด การอภิปรายสภาแต่ละครั้งมีหลักการและเหตุผล สามารถแนวโน้มใจให้ส.ส.เห็นด้วยกับสิ่งที่อภิปราย โดยไม่มีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย สุดท้ายผลงานเข้าตาผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย จนได้รับการผลักดันให้เป็นหัวหน้าพรรค และขึ้นเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กับฉายาที่ว่า

” ดาวดับ “

+ ดาวดับ

อดีตประธานวิปรัฐบาลซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่มีบทบาท สมาชิกทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลต่างให้ความเชื่อถือและความเกรงใจ แต่ปรากฏว่าบทบาทของนายวิรัช ในฐานะประธานวิปรัฐบาลในรอบปีที่ผ่านมา การควบคุม ส.ส.ภายในพรรคพลังประชารัฐ และ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธภาพ หลายครั้งเกิดเหตุความขัดแย้งระหว่าง ส.ส.ภายในพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงความขัดแย้งระหว่าง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน อีกทั้งเมื่อวันที่ 2 พ.ย. ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จากคดีทุจริตสนามฟุตซอลโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา สมัยที่นายวิรัชยังเป็น ส.ส. สังกัดพรรคเพื่อไทย จากเหตุการณ์ทั้งหมดทำให้คว้าฉายาดาวดับไปครอง
เหตุการณ์เด่นแห่งปี 2564

” แผนกบฎการเมืองล้มนายกรัฐมนตรี “

+ แผนกบฎการเมืองล้มนายกรัฐมนตรี

ช่วงปลายเดือนสิงหาคม ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ฝ่ายค้านยื่นซักฟอก 6 รัฐมนตรี แต่ไฮไลต์กลับอยู่ที่นอกห้องประชุม เมื่อมีรายงานข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สมัยนั้นยังเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินสายล็อบบี้ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ให้ลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ความลับนี้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน กลายเป็นข่าวใหญ่โต ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ลูกพรรคเดินเกมล็อบบี้ ส.ส.ในพรรคของตัวเอง เพื่อโค่นล้มนายกรัฐมนตรี เหตุการณ์นี้นำมาสู่ความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างนายกฯกับ ร.อ.ธรรมนัส อีกทั้งหลังเหตุการณ์นั้นไม่นานมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาปลด ร.อ.ธรรมนัสออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยฯ จนถึงทุกวันนี้ความรู้สึกแคลงใจเคืองๆก็ยังคงอยู่
วาทะแห่งปี

“ วัคซีนเต็มแขน ”

+ วัคซีนเต็มแขน

คำชี้แจงของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับวัคซีน ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี2564 ว่า “ไตรมาส 3 วัคซีนแอสตร้าเซเนก้าที่ผลิตในประเทศไทย อยู่เต็มโรงพยาบาลแล้วครับ อยู่เต็มแขนของพี่น้องประชาชนคนไทยแล้ว” ภายหลังจากที่ชี้แจงในสภาได้กลายเป็นไวรัลในสังคมที่คุยว่าจะมีวัคซีนเต็มแขน แต่สุดท้ายวัคซีนไม่มาตามนัด เกิดการขาดแคลนวัคซีน ทำให้ประชาชนต้องดิ้นรนขวนขวายหาวัคซีนกันเอง จนเมื่อช่วงปลายปีวัคซีนถึงพึ่งเข้ามาตามกำหนด และถึงแม้รัฐบาลจะหาวัคฉีนได้ตามเป้า แต่ก็ยังมีความล้าช้า เพราะยังมีประชาชนส่วนหนึ่งยังไม่ได้รับวัคซีน
เสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. และ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

” คู่กัดแห่งปี “

+ คู่กัดแห่งปี

เวลามีการประชุมรัฐสภาร่วมกัน ทั้งสองคนนี้มักโต้เถียงกันบ่อยครั้งและมีแนวโน้มจะไม่เลิกใช้คำพูดที่รุนแรง อย่างเช่นกลางดึกของวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของกลุ่มรีโซลูชั่น ต่างฝ่ายต่างไม่ลดละและท้าทายกัน โดยนายเสรี กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “โลงศพเขาไม่ได้ใส่คนแก่ แต่โลงศพเอาไว้ใส่คนตาย และคนตายบางทีอายุน้อยก็ตายได้” ทำให้นายวิโรจน์ สวนว่า “ที่บอกว่าโลงศพเอาไว้ใส่คนตาย ผมว่าไม่เกี่ยวเลย ผมขอแก้ว่าโลงศพเอาไว้ใส่คนปากอย่างท่าน” และนายเสรีโต้กลับอีกครั้งว่า “พอดีคุณวิโรจน์ปากเหมือนผม” ฉะนั้น เหตุการณ์นี้ถือว่าเลยเถิดเกินสมควร

คนดีศรีสภา : ยกเลิกตำแหน่งนี้ถาวร

หลายปีแล้วที่สื่อมวลชนประจำรัฐสภาไม่ได้มอบตำแหน่งคนดีศรีสภาให้กับสมาชิกรัฐสภา เนื่องจากท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองและปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ปรากฏว่ามีสมาชิกรัฐสภาคนใดที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีในการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ดังนั้น สื่อมวลชนประจำรัฐสภาจึงมีความเห็นร่วมกันว่าสมควรยกเลิกตำแหน่งนี้เป็นการถาวร จนกว่าในอนาคตจะมีสมาชิกรัฐสภาที่มีความประพฤติที่เหมาะสมกับตำแหน่งดังกล่าว
เป็นอีกปีที่นักข่าวสายทำเนียบ สายสภาฯ ปล่อยหมัดเด็ดได้ทั้งแสบทั้งจุกตามๆกัน ถ้ามีใครเสนอฉายาเด็ดมากกว่านี้มาบอกจันบ้างนะคะ