ป.ป.ช. แจง ปมครูชัยยศ ผิดวินัยร้ายแรง ไม่ใช่เรื่องแบ่งข้าว

ป.ป.ช. แจงยิบ ปมครูขัยยศ ถูกให้ออกราชการ หลังแบ่งอาหารให้นักเรียนยากจน ไม่เป็นความจริง แต่ผิดวินัยร้ายแรง เพราะเซ็นรับรองเอกสารเท็จ

จากกรณีที่ นายชัยยศ สุขต้อ ครูชำนาญการพิเศษ (คศ.3) โรงเรียนยางเปา อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางอาญาและวินัย ฐานเซ็นรับรองค่าอาหารเป็นเท็จ  และทางสำนักเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 มีคำสั่งปลดออกจากราชการ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา  

เกิดอะไรขึ้น กับ 3 ปีที่ผ่านมา ครูชัยยศ ถูกไล่ออก เพราะ ทำอาหารให้เด็ก

ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 66 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดกรณีดังกล่าวว่า ทางโรงเรียน บ้านยางเปา อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 ได้มีการขออนุญาตให้ดำเนินการจัดการเรียนการสอนในระดับอนุบาล ระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยมีนักเรียน 2 ประเภท คือ นักเรียนแบบไปกลับ กับ นักเรียนพักนอนที่โรงเรียน ซึ่งนักเรียนที่พักนอนนั้นจะได้รับการสนับสนุนค่าอาหารจาก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 ส่วนนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา จะได้รับการสนับสนุนค่าอาหารกลางวันจากองค์การบริหารส่วนตำบลอมก๋อย 

โดยเมื่อปี 2561 โรงเรียนบ้านยางเปา มีนักเรียนระดับชั้นอนุบาลและประถมศึกษา จำนวน 235 คน นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา จำนวน 244 คน โดยมีนักเรียนพักนอน (รวมประถมและมัธยม) จำนวน 169 คน การดำเนินการจัดหาอาหารกลางวัน กำหนดให้โรงเรียนต้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 และจะจ่ายเงินได้ เมื่อมีการตรวจรับและลงลายมือชื่อของคณะกรรมการตรวจรับครบถ้วน

โดย นายจรัส สุพรรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านยางเปา ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดซื้อ และตรวจรับอาหารกลางวันนักเรียน มี นางบุณยนุช ใจปินตา เป็นเจ้าหน้าที่จัดซื้ออาหาร นางจิราพรรณ จาตุนันท์ และ นายชัยยศ สุขต้อ เป็นกรรมการตรวจรับ การจัดหาอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนพักนอน พ.ศ. 2561 จำนวน 15 สัปดาห์ 

 ปรากฏว่า นางบุณยนุชไม่ได้ดำเนินการขออนุมัติจัดซื้อตามแบบรายการและเอกสารของทางราชการที่กำหนด ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แต่ทางนางบุณยนุชได้ทำเป็นบันทึกขออนุมัติยืมเงินโครงการอาหารกลางวันนักเรียนระดับชั้นประถม สัปดาห์ละประมาณ 60,000 บาท แล้ว นางบุณยนุช เป็นผู้ดำเนินการจัดหาวัตถุดิบเพื่อประกอบอาหารและ จ้างคนครัวเพื่อประกอบอาหารเองไม่เกินสัปดาห์ละ 48,500 บาท (โดยไม่มีการทำสัญญาจ้างและไม่มีหลักฐานการเข้ามาประกอบอาหารแต่อย่างใด) ในส่วนเงินที่เหลือประมาณสัปดาห์ละ 10,000 บาท จำนวน 15 สัปดาห์ เป็นเงิน 172,240 บาทนั้น ตรงจุดนี้ ป.ป.ช. ตรวจพบว่าในระหว่างสัปดาห์นางบุณยนุชมีการจัดซื้อเพิ่มเติมจาก 2 แห่ง แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าแต่ละสัปดาห์ได้มีการจัดซื้อเป็นจำนวนเท่าใด และไม่ได้ขอใบเสร็จรับเงินจากร้านค้า 

เมื่อตรวจสอบเอกสารชดใช้เงินยืม นางบุณยนุช ได้จัดพิมพ์ใบรับรองรายการจ่ายเงินค่าอาหารเป็นเท็จ แยกเป็นรายวัน วันละ 3 ใบ รวม 15 ใบ ทั้งๆที่มีการส่งอาหารสดและอาหารแห้งมายังโรงเรียนบ้านยางเปาสัปดาห์ละครั้ง พร้อมระบุว่ามีการเพิ่มราคาต่อหน่วยของวัตุดิบ ปรากฎว่า นายชัยยศ สุขต้อ และ นางจิราพรรณ จาตุนันท์ เป็นกรรมการตรวจรับ คือมีการลงชื่อรับรอง ทำให้ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด และนางบุณยนุชจึงได้นำใบรับรองดังกล่าวมาเป็นหลักฐานการใช้จ่ายเงินแทนใบเสร็จรับเงิน 

ดังนั้น การที่ นางบุณยนุช ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่จัดซื้ออาหารกลางวันทำการขออนุมัติยืมเงินเพื่อจัดหาอาหารกลางวัน และ นายจรัส อนุมัติให้ยืมเงินโดยไม่ได้ขออนุมัติให้จัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 และ นางบุณยนุช ทำใบรับรองการจ่ายเงินเป็นหลักฐานการใช้จ่ายเงินแทนใบเสร็จรับเงิน โดยมี นางจิราพรรณ และ นายชัยยศ ลงชื่อรับรองอันเป็นเท็จ จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าว โดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการตรวจสอบในภายหลังว่า การจัดซื้อจัดหาอาหารกลางวันของโรงเรียนบ้านยางเปาดำเนินการครบถ้วนหรือไม่ อีกทั้งการไม่ดำเนินการจัดซื้อตามระเบียบย่อมเป็นการดำเนินการเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โรงเรียนบ้านยางเปา 

ทำให้การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่สื่อมวลชนมีการนำเสนอข่าวออกไปนั้น อาจมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง จำนวน 2 ประเด็น คือยอดเงินในส่วนเงินที่เหลือประมาณสัปดาห์ละ 10,000 บาท รวม 15 สัปดาห์ เป็นเงินจำนวน 172,240 บาท ที่ไม่สามารถแจกแจงรายละเอียดได้ และประเด็นการนำอาหารในส่วนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาแบ่งให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นรับประทานนั้นไม่ใช่ประเด็นที่ ป.ป.ช. ใช้ตัดสินชี้มูลความผิดดังกล่าว  

ทางฝั่งของ ครูชัยยศ ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า รู้สึกไม่เป็นธรรม เพราะทำหน้าที่ตรวจสอบพัสดุ ตรวจสอบอาหารกลางวัน เช่นไข่ 10 แผงครบหรือไม่ หมู 10 กิโล มีครบมั๊ย แต่เค้าชีมูลความผิดว่าเป็นการเอื้อให้เกิดการทุจริตนั้น อำนวยให้ผู้อื่นทุจริต เนื่องจากการตรวจรับไม่ได้อยู่ในเอกสารหน้าเดียวกัน ผมไม่ค่อยถนัดเอกสาร ยึดคำสั่งเป็นหลักซึ่งผมทำหน้าที่แค่ตรวจรับอาหารกลางวันเท่านั้น เรื่องจัดซื้อไม่ได้เกี่ยวกับผม ส่วนตอนนี้ถึงจะถูกปลดออกจากราชการตามคำสั่ง แต่ทุกวันนี้ยังอยู่ที่บ้านพักครู และอาสาสอนเด็กนักเรียนต่อโดยไม่ได้รับเงินเดือน เพราะไม่อยากจะไปไหนบรรจุมาตั้งแต่ปี 40 ก็รักเด็ก รักโรงเรียน และตอนนี้เตรียมอุทรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการ และเรียกร้องความเป็นธรรม พร้อมเตรียมตัวสู้คดีต้องขายที่ดินเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่าย  

คลิปอีจันแนะนำ
ครูชัยยศ ทำเพื่อนักเรียน แต่ผลที่ได้ คือ พ้นความเป็นครู