หลังจากที่เกิดกระแสดราม่า ที่เฟซบุ๊ก “Lukkaithong – ลูกไก่ทอง Thai Royal Restaurant” ของร้านอาหารลูกไก่ทอง และร้านปังชาคาเฟ่ โพสต์ภาพและข้อความระบุถึงการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาเครื่องหมายการค้า แบรนด์ปังชา จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (Trademark) “ปังชา” ภาษาไทย และ “Pang Cha” ภาษาอังกฤษ ทำให้โดนวิพากษ์วิจารณ์และสงสัยว่า นอกจากจดลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้าแล้ว เป็นการจดสิทธิบัตรเมนู “ปังชา” หรือ “ปังชาไทย” ด้วยหรือไม่ ก่อนจะออกมาชี้แจงในหน้าเพจของตัวเองแล้ว
ร้านชามีเฮ! ทนายเกิดผล ชี้ช่อง ลอกเลียนปังชาได้ไม่ผิด
ล่าสุดทีมข่าวอีจันรายงานว่า ร้านปังชาเชียงราย ที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าดังแห่งหนึ่งกลางเมืองจังหวัดเชียงราย ได้รับหนังสือจากบริษัท กฎหมายแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 66 ให้ยุติการกระทำอันเป็นการละเมิดเครื่องหมายการค้าและเรียกค่าเสียหาย กับ ร้านปังชาเชียงราย และ ร้านปังชาเชียงราย มาม่าต้มยำ จำนวน 102 ล้านบาท จากการละเมิดชื่อทางการค้า
ล่าสุดนายวีรชาติ เจ้าของร้าน ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตนได้รับหนังสือจากบริษัท กฎหมายแห่งหนึ่ง ให้ยุติการกระทำอันเป็นการละเมิดเครื่องหมายการค้าและเรียกค่าเสียหาย กับ ร้านปังชา เชียงราย และ ร้านปังชาเชียงราย มาม่าต้มยำ จริง และขอให้ยุติการกระทำอันเป็นละเมิดโดยการหยุดใช้คำว่า ปังชา หรือ Pang Cha รวม 3 ฉบับ เป็นการส่งทางไปรษณีย์แบบลงทะเบียน ฉบับแรกวันที่ 21 กรกฎาคม 2566 ซึ่งหลังได้รับหนังสือดังกล่าวตนเองรู้สึกตกใจมาก จึงได้ทำการเปลี่ยนชื่อร้านใหม่ ร้านแรกที่ศูนย์การค้า เปลี่ยนชื่อเป็น “ร้านปังชาเชียงราย มาม่าต้มยำ” ในวันที่ 25 กรกฎาคม อีกร้านที่อยู่ในเขตตัวเมืองเชียงราย ยังไม่ได้ดำเนินการเปลี่ยนชื่อ เพราะอยู่ระหว่างปรึกษาทนายความและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ว่าทางร้านมีความผิดจริงหรือไม่ โดยร้านปังชา เชียงราย ถูกระบุว่าไปเหมือนกับผู้อ้างว่าเป็นเจ้าของแบรนด์ ที่ใช้เป็นเมนู “ปังเย็น” ซึ่งก็ไม่ได้ไปซ้ำกับทางบริษัทดังกล่าวแต่อย่างใด
เจ้าของร้านฯ ยังกล่าวอีกว่า เดิมตนก็ไปขอจดทะเบียนการค้าโดยใช้ชื่อเดียวกันนี้ แต่บริษัทที่ปรึกษาแจ้งให้ออกแบบให้ชื่อสอดคล้องกับรูปภาพก่อน ทำให้ตนชะลอไป แต่ปรากฎว่ายังไม่ทันดำเนินการใดๆ ก็ถูกเอกชนรายดังกล่าวแจ้งว่า ละเมิดเครื่องหมายการค้า เรียกค่าเสียหายจำนวนมหาศาล ทำให้ตนและครอบครัวเครียดอย่างมาก เพราะเราคงไม่มีเงินทองมากถึงขนาดนั้น และตนก็ไม่ได้มีเจตนาจะไปละเมิดแต่อย่างใดอีกด้วย
แต่เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบมาก จึงได้เปลี่ยนชื่อร้านของญาติที่ศูนย์การค้าในเชียงราย หลังจากได้รับหนังสือไม่เกิน 7 วันแล้ว แต่ยังคงเหลือที่ร้านของตนบนถนนพหลโยธินสายใน ที่ยังใช้ชื่อเดิมและเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป โดยระหว่างนี้ก็ปรึกษาทนายความว่าจะทำอย่างไร เพราะดูจากเอกสารที่บริษัทแจ้ง พบว่าเขาเพิ่งมาขอจดทะเบียนเมื่อปลายปี 2565 หลังจากที่ตนใช้ชื่อนี้ไปแล้ว และตนก็ไม่เคยใช้ชื่อ “ปังชา” มาใช้เป็นเมนูน้ำแข็งใส แต่ใช้คำว่า “ปังเย็น” แทนต่างหาก สิ่่งสำคัญคือตนคงไม่มีเงินทองมากมายไปจ่ายให้ถึง 102 ล้านบาท หรือปรับวันละ 10,000 บาท อย่างแน่นอน
แม้ว่าทนายความที่มีชื่อเสียงหลายๆคน จะออกมาบอกแล้วว่า สามารถใช้ชื่อเมนู ปังชา ได้ แต่ในทางกฏหมายก็ต้องติดตามกันต่อไปนะครับ ว่าเรื่องของร้านที่เชียงรายนี้ จะจบลงอย่างไร
คลิปอีจันแนะนำ
โดนฟ้อง 102 ล้าน! เพราะเมนู “ปังชา”