
#ตํารวจจีน ยังคงติดอันดับเทรนด์ทวิตเตอร์ หลัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก่อนออกเดินทาง ร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 30 และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 12-19 พ.ย.66 ที่นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว หลังเปิดฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน แต่ยอดนักท่องเที่ยวไม่กระเตื้อง
ซึ่งถัดมา น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยว่า ในวันที่ 15 พ.ย.66 นี้ จะหารือกับสถานทูตจีน ชูโมเดลที่เคยประสบความสำเร็จในอิตาลี โดยการนำตำรวจจีน มาลาดตระเวนตามสถานที่ท่องเที่ยวไทย ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวและสร้างความเชื่อมั่น เพื่อกระตุ้นตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนช่วง 2 เดือนสุดท้าย เป็นไปตามเป้าเดิมที่ตั้งไว้ ราว 4-4.4 ล้านคน
ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก อีกทั้ง นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ก็ประสานเสียงไม่เห็นด้วย เพราะถือเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทย และหากย้อนข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้จะพบว่า เพราะเมื่อเดือน ธ.ค.65 รัฐบาลอิตาลีได้ประกาศยกเลิก หยุดปล่อยให้ตำรวจจีนมามีส่วนร่วมในการลาดตระเวน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ในแผ่นดินอิตาลีแล้ว เพราะมีรายงานว่า มีการลักลอบเปิดสถานีตำรวจจีน ในอิตาลีรวมถึงในหลายประเทศด้วย
ทำให้ล่าสุด วันนี้ (14 พ.ย.66) นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เรื่องนี้คงเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดมากกว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ตำรวจไทยต้องเป็นคนดูแลเป็นหลัก แต่หากมีความร่วมมือในแง่ของการประสานข้อมูลกับทางตำรวจจีน ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ต้องมีตำรวจจีนมาเดินบนถนนเมืองไทย เชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวจีนอย่างมาก
ทั้งนี้ การที่ได้กำชับกับ ผู้ว่าการ ททท. ดังกล่าว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้เน้นการมีตำรวจจีนมาอยู่ที่เมืองไทย แต่เป็นการสื่อสารเพื่อจัดการกับปัญหาที่เกิดจากคนจีนในไทยที่กระทำผิดกฎหมาย เพราะทุกคนกังวลเกี่ยวกับปัญหาจีนสีเทา ดังนั้น การประสานข้อมูลให้ชัดเจนเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันความสับสนและจัดการกับอาชญากรรมที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
"ไม่ได้สั่งเลยครับ ไม่มีการสั่งครับ เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับผม ใครจะไปสั่ง ผมไม่เคยพูดว่าต้องเอาตำรวจจีนมากี่คนๆ ถามคนใกล้ชิดได้ว่าไม่เคยมี ไม่เคยพูด เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมด้วยเหมือนกัน เพราะไม่ใช่" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: