วันนี้ (22 ก.ค. 65) มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความการสมัครเข้าทำงานในกลุ่มหางานในประเทศไทย บอกว่าตัวเองเป็นคนใส่ตาเทียม เพราะเป็นคนตาบอด 1 ข้าง เรียนจบปริญาตรี และได้ไปสมัครเข้าทำงานที่ฝ่ายผลิตบริษัทแห่งหนึ่ง ทางบริษัทได้นัดให้เธอไปรายงานตัวเมื่อวานนี้
เวลาประมาณ 14.00 น. เธอก็เข้าไปยื่นเอกสารตามปกติ มีคนอยู่บริเวณนั้นประมาณ 25 คน พอทุกคนมาครบแล้ว ฝ่ายบุคคลก็เริ่มอธิบายเรื่องต่างๆ หลังจากนั้นก็ชี้มาที่เธอ แล้วถามว่า เธอตาเป็นอะไร ตาข้างนั้น และสั่งให้เธอถอดแว่นที่ใส่มาออก เธอจึงตอบไปว่า “หนูมองเห็นข้างเดียวค่ะอีกข้างมองไม่เห็นและใส่ตาเทียมอยู่”
แต่ฝ่ายบุคคลยังไม่หยุดแค่นั้น เขาก็บอกกับเธอไปว่า แล้วจะมาทำงานยังไง เธอได้ตอบกลับไปว่าเธอมองเห็นปกติ แต่ก็ยังโดนถามต่อว่า แล้วจะเขียนหนังสือยังไง จะทำงานได้เหรอ แต่เพราะปมที่เธอมีอยู่เธอก็นิ่งไป แต่ที่ต้องรู้สึกแย่ยิ่งกว่า เพราะสายตาของคนตรงนั้นกว่า 30 คน นอกจากจะไม่ได้ปกป้องเธอแล้ว ก็ยังจ้องมองมาที่เธอ แล้วซุบซิบกัน ทำเหมือนกันเธอเป็นสัตว์ประหลาด
หลังจากนั้นฝ่ายบุคคลก็ดึงประวัติของเธอออกมา แล้วก็เชิญให้เธอกลับไป บอกว่าจะติดต่อกลับมา แต่ขอไปปรึกษาทีมก่อน กลังจากนั้นประมาณ 2 ชม. เธอได้รับโทรศัพท์จากบริษัทดังกล่าว บอกว่าในวันจันทร์ เธอไม่ต้องมาทำงานที่นั่น เธอบอกว่า ตลอดที่ผ่านมา พยายามเรียนจบ เพื่อที่จะได้หางานดีๆทำ ให้เธอได้ใช้ความสามารถของตัว มองข้ามความพิการไป แต่ต่อให้เธอจะไปสัมภาษณ์ที่ไหน สัมภาษณ์ดีเท่่าไหร่ สุดท้าย พอเห็นว่าเธอเป็นแบบนี้ ก็ไม่มีที่ไหนรับเข้าทำงานสักที่ เธอยังพูดทิ้งท้ายไว้อีกว่า “จะมีสักที่ในโลกนี้มั้ย ที่เห็นเราเป็นแค่คนธรรมดาคนนึง ตัดสินเราจากความสามารถ ให้โอกาสเราให้ทำโดยที่ไม่ตัดสินเราจากสิ่งที่เราเป็น”
การใส่ตาเทียมของเธอ มันสร้างปัญหา จนทำให้บริษัทต่างๆ ที่เธอไปสัมภาษณ์ถึงกับไม่รับเธอเข้าทำงานเลยเหรอ ทุกคนต่างเรียกร้องสังคมที่น่าอยู่ แต่การกระทำที่คนตรงนั้น ทำกับสาวคนนี้มันไม่ใช่การสร้างสังคมที่น่าอยู่เลย การให้โอกาสคนอื่น ไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้วเหรอในสังคมนี้???
คลิปอีจันแนะนำ
โดนหลอก ไปเป็นคอลเซ็นเตอร์ ไม่รู้ตัว!