เด็ก 13 ปี กินแล้วนอน พบตับอ่อนอักเสบรุนแรง

เด็ก 13 ปี ช็อกเฉียบพลัน เพราะตับอ่อนอักเสบรุนแรง หลังมีพฤติกรรมกินแล้วนอน ไม่ออกกำลังกาย

ใครเป็นแบบนี้บ้าง รีบเปลี่ยนด่วน! ไม่ค่อยกินมื้อหลัก ชอบกินของขบเคี้ยว กินรสเผ็ด กินเสร็จแล้วก็นอน ไม่ชอบออกกำลังกาย พฤติกรรมเหล่านี้อันตรายมากๆ เลยนะ เสี่ยงเป็นโรคตับอ่อนอักเสบ และภาวะช็อกเฉียบพลันได้ 

วันที่ 29 ก.ค.66 ทาง World Forum ข่าวสารต่างประเทศ ได้โพสต์เตือนในกรณี เด็ก 13 ปี ที่เลือดกลายเป็นสีขาวขุ่น ระบุว่า 

เด็กหญิงอายุ 13 ปี ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียนบ่อย ตัวเปียก เย็น และมีอาการช็อก เมื่อแพทย์เจาะเลือดออกมา 200 มิลลิลิตร พบว่าเลือดกลายเป็นสีขาวขุ่นคล้ายน้ำข้าวโพด ซึ่งเป็นไขมันที่ไม่ได้ย่อยจำนวนมาก โดยจากการตรวจสอบพบว่าเธอป่วยเป็นโรคตับอ่อนอักเสบรุนแรง จนเข้าสู่ภาวะช็อก  

ซึ่งภายในครึ่งปี เด็กหญิงเข้าโรงพยาบาลมาแล้วกว่า 2 ครั้ง ทั้งนี้ยังมีนิสัยชอบกินของว่าง ของขบเคี้ยว ไม่กินมื้อหลัก ชอบกินไอติมแท่งเย็น รสเผ็ด มันฝรั่งทอด และหลังเสร็จ เด็กหญิงมักนอนบนโซฟาและเล่นโทรศัพท์มือถือทันที แถมยังไม่ออกกำลังกาย ทำให้เกิดไขมันในเลือดสูง จนเป็นโรคตับอ่อนอักเสบ 

โดย เหวิน ซือฟาง แพทย์ผู้ดูแลเด็กหญิงรายนี้ กล่าวว่า เด็กหญิงป่วยด้วยโรคตับอ่อนอักเสบรุนแรงและไขมันในเลือดสูง เลือดที่ออกมามีสีขาวขุ่น เธอจำเป็นต้องเปลี่ยนพลาสมา และฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม 

และเมื่อเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้ในประเทศจีนตื่นตระหนกกันเป็นอย่างมาก โดยมีการเตือนในหลายสื่อ ให้ประชาชนหันมาใส่ในในการกิน หันมาควบคุมอาหาร ทานผักผลไม้ ลดเผ็ด ลดไขมัน และออกกำลังกายมากขึ้น 

ทั้งนี้ การกินแล้วนอนยังส่งผลเสียมากมาย อย่าง อาหารไม่ย่อย ท้องอืด กรดไหลย้อน เสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมอง เสี่ยงมะเร็งหลอดอาหาร เพราะฉะนั้น ใครที่ยังคงมีพฤติกรรมดังกล่าวรีบหันมาควบคุมการกินและการใช้ชีวิตด่วนเลยนะคะ ‘อีจัน’ เป็นห่วง 

ข้อมูลจาก: World Forum ข่าวสารต่างประเทศ