เบนซ์ เรซซิ่ง เปิดใจหลังพ้นคุก “ถ้าไม่มีลูก คงฆ่าตัวตายไปแล้ว”

เบนซ์ เรซซิ่ง ควงคุณแม่เปิดใจถึงการสู้คดีกว่า 6 ปี และโมเมนต์หลังพ้นคุก “ผมบริสุทธิ์ใจ ชีวิตในเรือนจำ ไม่เคยทำใจยอมรับได้เลยสักวัน ถ้าไม่มีลูก คงฆ่าตัวตายไปแล้ว”

เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สังคมกำลังให้ความสนใจเลยค่ะ สำหรับ เบนซ์ เรซซิ่ง หรือ นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช อดีตสามี แพท ณปภา ตันตระกูล ที่ถูกศาลจำคุกในข้อหา ฟอกเงิน เป็นระยะเวลากว่า 4 ปี 4 เดือน ก่อนได้รับการปล่อยตัวในช่วงเย็นวันที่ 24 ต.ค. 66 ผ่านมา 

3 ปี 4 เดือน ในเรือนจำของเบนซ์ เรซซิ่ง สู่อิสรภาพ-พ้นโทษ

วานนี้ (3 พ.ย.66) “เบนซ์ เรซซิ่ง” ได้ควงคุณแม่สุพรเพ็ญ ไปเปิดใจถึงช่วงเวลาแห่งความทรมานกับการสู้คดีกว่า 6 ปี และโมเมนต์หลังออกจากคุก ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 โดยในช่วงหนึ่งของรายการ เผยว่า 

ตั้งแต่เริ่มต้นคดี ผมบริสุทธิ์ใจมาโดยตลอด ให้การปฏิเสธ นำเอกสารไปยื่น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำธุรกิจมา มันเป็นธุรกิจที่ตรวจสอบได้ ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทา สีดำเลย ศาลบอกว่าในคดีนี้ ถ้าสู้แพ้ในคดีคือประหารชีวิต เขาเลยไม่ให้ประกันตัวเพราะเราอาจหลบหนีได้ แต่ผมไม่เคยมีความคิดหนีเลย เพราะทุกคนรอบตัวเรา ที่สู้กันมาตลอด จะเดือดร้อนไปหมดเลย อีกทั้งผมจะโดนข้อหา สังคมก็จะตัดสินว่าผมทำผิด แล้วลูกโตขึ้นมาจะยังไงถ้าโดนว่าพ่อหนีคดีความ ถ้าสุดท้ายผมต้องแพ้ ผมก็ยอมติด ผมไม่หนี 

ที่ผ่านมาผมมีความหวังอยู่ตลอด แม้ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิตแล้วแต่ผมก็ต้องสู้ต่อ ชีวิตในเรือนจำมันไม่เคยทำใจยอมรับได้เลยสักวัน มีเจ้าหน้าที่เคยถามว่าชีวิตนี้เคยลำบากมั้ย ผมก็มาคิดดูว่าชีวิตนี้เราไม่เคยลำบากเลย ที่บ้านดูแลเราอย่างดี อยากได้อะไรเราก็ได้ เพิ่งรู้ว่าความลำบากเป็นอย่างนี้ เคยเครียดถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย คิดว่าให้ผมมาอยู่อย่างนี้ ผมยอมตายดีกว่า แต่สิ่งเดียวที่ทำให้ผมมีกำลังใจจะอยู่ต่อคือลูก ผมคิดว่าผมต้องสู้เพื่อออกมาหาลูกให้ได้ ถ้าวันนั้นไม่มีลูกผมน่าจะตายในเรือนจำไปแล้ว 

ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง ออกจากคุกมาวันแรกเจอลูกเลย ดีใจมาก เพราะเป็นการที่เราได้กลับมาเจอกันโดยไม่ต้องมีห่วงแล้ว ไม่ต้องคิดว่าเราจะต้องกลับเข้าไปข้างในอีกมั้ย เราต้องติดคุกอีกหรือเปล่า มันเป็นวันที่เราหลุดพ้นทุกอย่างแล้ว รู้แล้วว่าหลังจากนี้เราจะใช้เวลากับเขาได้อย่างเต็มที่ ดีใจที่เขายังจำเราได้ อาจาเพราะไม่ได้เจอกันบ่อย เลยมีความเกร็งๆ เขินๆ กันนิดนึง ซึ่งประโยคแรกที่เขาบอกคือ “ปะป๊าหล่อ” 

ตั้งแต่เจอกันวันนั้นผมก็ไม่สบาย เป็นไข้ กลัวติดหวัดกันด้วย ทุกวันนี้วิดีโอคอลคุยกันทุกวัน เดี๋ยวหาป่วยแล้วจะนัดเวลามาเจอกันแล้วดูว่าเราจะแบ่งเวลากันยังไง ว่างตรงกันมั้ย เขาชอบอะไรจะพาไปเที่ยวไปอะไรกัน เขาชอบตรงไหนก็จะส่งเสริมเขา 

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก: รายการ คุยแซ่บshow