ยิ่งใหญ่สมการรอคอยต้อนรับสงกรานต์2566 กับงานเย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์2566
กับสงกรานต์ 5 ภาค พบกับอัตลักษณ์ท้องถิ่นที่สะท้อนถึงรากเหง้าความเป็นไทย
พร้อมสัมผัสกับประสบการณ์การท่องเที่ยวอย่างมีคุณค่าและความหมาย ทางด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เทศกาลเย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ เป็นประเพณีไทยที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก สอดคล้องกับนโยบาย Soft Power (5F : Food Festival
Film Fight Fashion) ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติมาอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการขับเคลื่อนปีท่องเที่ยวไทย
โดยนำเสนออัตลักษณ์ประเพณีสงกรานต์ที่แตกต่างกันออกไปทั้ง 5 ภูมิภาค ซึ่งมีความน่าสนใจต่างกันออกไป
เริ่มที่ภาคเหนือ จะนำเสนอการทำตุงและน้ำส้มปอย โดย "ตุง" ทำมาจากกระดาษสีที่นำมาตัดเป็นธง ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อนำไปปีกที่เจดีย์ทรายเรียกว่า "การตานตุง" โดยจะนิยมกระทำในวันพญาวัน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ นอกจากจะถวายเป็นพุทธบูชาแล้ว ยังถือว่าเป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว อีกสิ่งที่จะมีคู่กันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ก็คือ "น้ำส้มป่อย" โดยใช้ฝึกแห้งมาแช่น้ำและใช้ในพิธี
รดน้ำดำหัว เพราะเชื่อว่าส้มปอยจะช่วยปัดเปาสิ่งชั่วร้ายและชำระสิ่งอัปมงคลได้
และภาคที่2 คือภาคกลาง ที่จะนำเสนอ "ข้าวแช่" เมนูดับร้อนที่มีต้นกำเนิดมาจากประเพณีสงกรานต์ของชาวมอญ ก่อนจะมีการพัฒนาสูตรจนมีหลายตำรับ ทั้งตำรับทั่วไปและตำรับชาววังที่เต็มไปด้วยความละเมียดละไมในการรังสรรค์เครื่องเคียง โดยเจ้าจอมมารดากลิ่น สตรีเชื้อสายมอญผู้ปฏิบัติราชการในราชสำนัก ได้ถ่ายทอดความรู้
การทำข้าวแชให้แก่ห้องเครื่องและประชาชน ระหว่างติดตามไปถวายราชการที่จังหวัดเพชรบุรี ในสมับโบราณนิยมรับประทานข้าวแช่ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคมเรื่อยไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม
ภาคที่3 คือภาคอีสาน นำเสนอประเพณีเสียเคราะห์ หรือที่เราเรียกกันว่าสะเดาะเคราะห์ เป็นพิธีกรรมที่เกิดจากความเชื่อในสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ ภูตผี ปีศาจ เทวดา ว่าสามารถปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไปจากชีวิตได้ เป็นความเชื่อที่ผสมผสานอย่างกลมกลืนระหว่างพุทธศาสนากับพราหมณ์ โดยเชื่อกันว่าผู้ที่เข้าร่วมประเพณีเสียเคราะห์จะทำให้
คลายความกังวล แข็งแรง หายจากโรคภัยต่าง ๆ เมื่อรวมกับกำลังจากพี่น้องที่เข้าร่วมในพิธีเสมือนได้รับกำลังใจไม่รู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง และจะได้พบเจอแต่สิ่งดี ๆ ในชีวิต พันเคราะห์พ้นโศก
ต่อกันกับภาคที่4 คือภาคตะวันออก นำเสนอประเพณีก่อพระเจดีย์ทรายข้าวเปลือก ประเพณีของชาวไผ่ดำ อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นหนึ่งในอัตลักษณ์ของท้องถิ่นที่สืบทอดจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน
การก่อพระทรายข้าวเปลือกเป็นการทำบุญของชาวไผ่ดำที่นำเอาผลผลิตจากการทำนามาถวายเป็นพุทธบูชาแทนการก่อเจดีย์ทราย เนื่องจากพื้นที่ในแถบนั้นไม่มีทรายที่จะสามารถนำมาที่วัดได้ เมื่อถึงวันที่วัดกำหนด
ชาวบ้านจะนำข้าวเปลือกใส่กระบุงไปเทกองรวมกันที่วัดเป็นพระเจดีย์ข้าวเปลือกที่ได้ทางวัดจะนำไปขายเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นปัจจัยมาใช้จ่ายในการทำนุบำรุงศาสนสถานต่อไป
ภาคใต้ นำเสนอพิธีแห่นางตาน ตามความเชื่อของคนในพื้นที่ภาคใต้ สงกรานต์เป็นช่วงเวลาแห่งการผลัดเปลี่ยนเทวดา ผู้รักษาดวงชะตาบ้านเมือง จึงถือฤกษ์วันแรกของสงกรานต์ 13เมษายน เป็นวันส่งเจ้า
เมืองเก่า หรือวันเจ้าเมืองเก่า เพราะเชื่อกันว่าวันนี้เจ้าเมืองหรือเทพยดาประจำปีผู้ทำหน้าที่รักษาดวงชะตาของบ้านเมือง จำเป็นต้องละทิ้งบ้านเมืองที่รักษาไปชุมนุมกันบนสรรค์ ชาวบ้านจะทำความสะอาดบ้านเรือน เครื่องใช้เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับและร่างกาย โดยพิธีแห่นางดานเป็นหนึ่งในอัตลักษณ์ของสงกรานต์
และส่งท้ายด้วยภาคที่5 คือภาคใต้
ทำเสนอประเพณีก๋าแก่ ของจังหวัดนครศรีธรมราชตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ เนื่องจากเคยมีชุมชนพราหมณ์ในครศรีธรรมราช เมื่อราวปี พ.ศ. ๑๒๐๐ เป็นประเพณีที่มีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยเพื่อบูชาเทพบริวาร
ในคติพราหมณ์ "นางดาน" หรือ "นางกระดาน" เป็นแผ่นไม้กว้างหนึ่งศอกสูงสี่ศอก ๓ แผ่น แกะสลักรูปเทพ
บริวารในคติความเชื่อของพราหมณ์ ได้แก่ พระอาทิตย์และพระจันทร์ พระแม่ธณีและพระนางคงคา โดยจะนำแผ่นไม้ทั้งสามมาร่วมขบวนแห่เพื่อรอรับเสด็จพระอิศวรที่เสด็จมาเยี่ยมมนุษย์โลก ณ เสาชิงช้า โดยกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 14 เมษายนของทุกปีนั้นเองค่ะ
และกิจกรรมทั้งหมดนี้ ขนมาไว้ที่งานเย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ ประจำปี 2566 ณ ซอยจุฬาลงกรณ์ 5 (ถนนอุทยาน 100 ปี) เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 13-15 เมษายน 2566 เริ่มเวลา 10.00 -19.00 น. ของทุกวันเลยนะคะ
ใครที่อยู่บ้านไม่รู้จะออกไปเที่ยวสงกรานต์ที่ไหน จันขอเชิญชวนทุกท่านมาเที่ยวชมงานเย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ 2566 ที่จุฬาซอยห้ารับรองว่าชุ่มฉ่ำสมการรอคอยแน่นอนค่ะ
