รัฐบาลเวียดนาม เห็นชอบ แผนการเปิดประเทศ เพื่อ การท่องเที่ยว อีกครั้ง

รัฐบาลเวียดนาม เห็นชอบ ข้อเรียกร้องจากหลายฝ่าย ที่เสนอ แผนการเปิดประเทศ เพื่อการท่องเที่ยว ระหว่างประเทศ อีกครั้ง เริ่ม 15 มี.ค. 65

สำนักข่าวซินหัว ของจีน รายงานข่าวว่า รัฐบาลเวียดนาม เห็นชอบแผนการเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยว มีกำหนดเริ่มในวันที่ 15 มี.ค. 65 นี้

โดยรายงานข่าวอ้างว่า สำนักข่าวเวียดนามอ้างประกาศจากรัฐบาลท้องถิ่น ระบุว่า หวู ดึ๊ก ดาม รองนายกรัฐมนตรีเวียดนาม เห็นด้วยกับข้อเสนอของกระทรวงต่างๆ เกี่ยวกับช่วงเวลาที่จะเปิดการท่องเที่ยวอีกครั้ง ท่ามกลางการปรับตัวที่ปลอดภัย และยืดหยุ่นต่อการระบาดใหญ่ ของโรคโควิด-19 โดย หวู ดึ๊ก ดาม ได้เรียกร้องต่อหน่วยงานที่มีอำนาจ ประกาศรายละเอียดของแผนการกลับมาเปิดพรมแดน แก่หน่วยงานท้องถิ่นทั่วประเทศโดยด่วน พร้อมทั้งเสนอนโยบายการออกวีซ่า สำหรับผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ

โดยหลายกระทรวงของเวียดนาม ทั้งการท่องเที่ยว สาธารณสุข การต่างประเทศ และคมนาคม เสนอให้รัฐบาลกลับมาดำเนินนโยบาย ยกเว้นวีซ่าฝ่ายเดียว สำหรับ 13 ประเทศ และยกเว้นวีซ่าทวิภาคี สำหรับ 88 ประเทศและภูมิภาค ดังเช่นตอนก่อนเกิดโรคระบาดใหญ่ ทั้งนี้เวียดนามตัดสินใจระงับนโยบายยกเว้นวีซ่าดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งเริ่มมีการระบาดของโควิด-19 สำหรับข้อเสนอใหม่ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาถึงเวียดนาม จะไม่จำเป็นต้องจองแพ็กเกจท่องเที่ยว กับบริษัทตัวแทนที่กำหนด ตามโครงการทดลองพาสปอร์ตวัคซีน ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนพ.ย.ปีก่อนอีกต่อไป ซึ่งโครงการดังกล่าวได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เกือบ 9,000 คน ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. 65

อย่างไรก็ดี นักท่องเที่ยวต่างชาติอายุ 12 ปีขึ้นไป ต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดส หรือหายดีจากโควิด-19 และมีผลตรวจเป็นลบ ตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุขท้องถิ่น

นอกจากนั้นข้อเสนอใหม่ยังกำหนดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ จ่ายเงินเฉลี่ยคนละ 30 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 960 บาท) เพื่อรับผลประโยชน์ประกันภัย มูลค่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 320,000 บาท) สำหรับการรักษาโรคโควิด-19 ในเวียดนามด้วย

ทั้งนี้เวียดนามได้ยกเลิกข้อจำกัดด้านความถี่ของเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.65 ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติรายงานว่า เวียดนามต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียง 157,300 คน ในปี 2021 ลดลงร้อยละ 95.9 เมื่อเทียบปีต่อปี ส่วนใหญ่มาจากสาเหตุเดียวกัน คือการระบาดของโรคโควิด-19