เทรนด์ที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ บอกเลยถูกใจลูกจ้างแต่นายจ้างว่ายังไง?
กับแคมเปญใหญ่ครั้งนี้ โดยเริ่มมีการทดลองทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ กลายเป็นว่าได้รับผลตอบรับอย่างดี มีหลายบริษัทเอกชนทางฝั่งยุโรป ให้ความสนใจและตอบรับเข้าร่วมแคมเปญ โครงการนำร่องนี้เป็นการทดลองใช้งานร่วมกันเป็นเวลา 6 เดือนในประเทศอังกฤษ (ทั้งนี้พวกเขายังได้รับเงินเดือนเท่าเดิมอยู่ แม้จะลดชั่วโมงการทำงานลงก็ตาม) โครงการนี้ดำเนินการควบคู่ไปกับโครงการนำร่องที่คล้ายกันในไอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ และสเป นำโดย 4 Day Week Global โดยร่วมมือกับ Think Tank Autonomy, 4 Day Week Campaign และนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ วิทยาลัยบอสตัน และมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด
Four-Day Week Campaign หรือ ทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์
โดยหลังการเกิดการระบาดของ COVID-19 หลายประเทศเริ่มหันมาสนใจรูปแบบการทำงาน ที่แตกต่างจากเดิม ซึ่งการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์เป็นอีกแนวทางที่หลายประเทศเริ่มตื่นตัว เพื่อสร้างการทำงานที่สมดุลต่อการใช้ชีวิต และเป็นการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งปัจจุบันบริษัทและองค์กรต่างๆ ทั่วโลกกำลังทดลองหรือนำมาใช้อย่างถาวร บริษัทส่วนใหญ่จะค่อยๆ ลดจำนวนชั่วโมงลง โดยปรับแต่งตารางเวลาให้เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจ ลูกค้า และบุคลากรของบริษัท
The #4DayWeek pilot provides business supports, advice & mentoring to help companies roll out the scheme across their workplaces. #FourDayWeek is better for business, better for workers, better for women & better for the environment. Go to https://t.co/q4zvBhlFap for more info⏳ pic.twitter.com/ocOyNrfb0O
— Four Day Week Ireland (@4DayWeekIreland) June 22, 2021
จากการทดลองในหลาย ๆ ประเทศก็พอจะแสดงให้เห็นได้ว่า การทำงานในลักษณะนี้ทำให้เหล่าคนทำงาน ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและในส่วนงานก็มีประสิทธิภาพที่ดีไม่ได้ลดน้อยลง ถือว่าเป็นจุดแข็งมากพอที่จะนำมาใช้เป็นนโยบายในอนาคต แต่การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์นี้ ไม่ได้ช่วยแค่พนักงาน แต่ยังเป็นประโยชน์ในเชิงสิ่งแวดล้อมทั้งในองค์กรและต่อสังคมได้อีกด้วย
ผลจากงานวิจัย ‘4 Day Week campaign’ ที่ถูกนำมาใช้ที่ประเทศอังกฤษ พบว่ามันช่วยลด carbon footprint ในภาพรวมทั้งประเทศได้มากถึง 21.3% ต่อปี ซึ่งมันเป็นผลมาจากการที่ผู้คนลดการใช้ถนนในช่วงกักตัว รวมถึงกิจกรรมที่พวกเขาทำในช่วงเวลาพักผ่อนที่ไม่ใช่เวลางาน แม้จะไม่ใช่จุดมุ่งหมายหลัก แต่ก็ถือว่าเป็นผลพลอยได้ที่ได้ประโยชน์เกินคาด
ไม่ได้เป็นเพียงแค่กระแสในปัจจุบันแต่เมื่ออดีต ที่ผ่านมาประมาณ 100 ปีที่แล้ว หลายประเทศทั่วโลกเริ่มเปลี่ยนแปลงนโยบายการทำงานจาก 6 วันต่อสัปดาห์ให้เหลือ 5 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งตอนนี้ผ่านมาหลายรุ่น ถึงว่าจะมีเทคโนโลยีที่พัฒนาไปมากแค่ไหนหรือเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมการทำงานก็ตาม แต่คนก็ยังต้องทำงานหนักและใช้เวลาในชีวิตไปกับการทำงานมากเหมือนเดิมอยู่ดี และตัวแปรอย่างโควิด-19 ทำให้เห็นชัดเจนว่าเราสามารถหาสมดุลระหว่างงานและชีวิตได้ดีขึ้น เพื่อให้มันเกิดขึ้นเราต้องก้าวไปด้วยกันและผลักดันให้ดีขึ้น
สุดท้ายแล้วเราต่างคุ้นเคยกับชั่วโมงการทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน (ไม่รวมโอที) แต่โลกการทำงานที่หมุนไปตามสถานการณ์ สภาพสังคมที่เหมาะกับกับยุคสมัยของวัยทำงานในตอนนี้ เหมาะกับคุณภาพชีวิตแล้วรึไหม จนทำให้เราได้เห็นรูปแบบการทำงานอันหลากหลาย ที่ถูกนำมาปรับใช้รูปแบบใหม่ๆ ในการทำงาน
อ้างอิง (Ref.)
4 Day Week Campaign | Campaign for a shorter working week