หลังจากที่มีข่าวเศร้า แรงงานไทยในอิสราเอล ซึ่งเป็นชาวบุรีรัมย์ เสียชีวิตจากเหตุปะทะรุนแรง เมียเผยสามีเพิ่งไปได้แค่ 3 วัน และเกิดเหตุขณะกำลังวิดีโอคอลคุยกันพอดีขณะเดียวกันยังมีแรงงานไทยในอิสราเอลอีกหลายคน ที่ทำงานอยู่ที่อิสราเอล ซึ่งตอนนี้พวกเขา ร้องขออยากกลับไทยเพราะห่วงไม่ปลอดภัยจากเหตุปะทะ
ล่าสุดวานนี้ 19 พ.ค.2564 ทีมข่าวอีจันได้รับการเปิดเผยจาก ญาติของนายวิชิต สาลีหอม อายุ 35 ปี แรงงานชาวอำเภอตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ซึ่งทำงานเก็บพืชผลอยู่ในนิคมเกษตรกรรมโอฮัด (Ohad) ในเมืองเอชโคล (Eshkol) ประเทศอิสราเอล วีดีโอคอลพูดคุยสอบถามความเป็นอยู่ หลังแคมป์คนงานในนิคมเกษตรกรรมดังกล่าว ถูกโจมตีด้วยจรวดจนมีแรงงานไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บ
ซึ่งระหว่างพูดคุยนายวิชิต ได้เล่าถึงสถานการณ์ในนิคมเกษตรกรรมที่ทำงานอยู่ และแคมป์แรงงานที่อยู่ใกล้กัน ยังมีแนวโน้มความรุนแรงจากการปะทะของกองกำลังทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์ ทำให้ได้รับคำเตือนจากผู้ดูแลนิคมเกษตรกรรม หากได้ยินสัญญาณเตือนต้องรีบหมอบ หรือหลบเข้าบังเกอร์ ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะนิคมตั้งอยู่ใกล้ฉนวนกาซาจุดปะทะ จึงอยากกลับประเทศไทย เพราะตัวเองก็เพิ่งจะมีลูกอ่อนด้วย
ซึ่งนายจ้างของนิคมได้ให้ไปลงทะเบียนไว้แล้ว แต่ต้องรอคิว เนื่องจากต้องทำเอกสารขอเดินทางกลับและต้องรอเครื่องบิน ซึ่งสัปดาห์หนึ่งมีเพียง 2 เที่ยวบิน หากมีทางช่วยเหลือให้เดินทางกลับได้เร็วขึ้น ก็อยากให้ทางการไทยช่วยดำเนินการให้ด้วย เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยจากการปะทะกันของกองกำลังอิสราเอลและปาเลสไตน์ในขณะนี้
ซึ่งก่อนหน้านี้มีแรงงานไทย ได้รับบาดเจ็บคือนายอัตรชัย หรือมอธ ธรรมแก้ว อายุ 28 ปี ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากจรวดระหว่างกองกำลังอิสราเอลกับปาเลสไตน์ เบื้องต้นนางอรชร ธรรมแก้ว อายุ 56 ปี มารดาเปิดเผยว่า หลังจากที่นายอัตรชัย เข้ารับการผ่าตัดเพื่อเอาสะเก็ดระเบิดออกเป็นครั้งที่ 2 สิ้นสุดเมื่อเวลา 01.30 น. (20 พ.ค.2564) อาการพ้นขีดอันตรายแล้วแนวโน้มดีขึ้นซึ่งขณะนี้ อยู่ในการดูแลของแพทย์และเจ้าหน้าที่ของทางการไทย
สำหรับตำบลนาพิน อ.ตระการพืชผล มีชายหนุ่มในตำบลเดินทางไปทำงานที่นิคมเกษตรกรรมในประเทศอิสราเอลจำนวนหลายครอบครัว แต่ละรายมีอายุทำงานตั้งแต่ 1-3 ปี
อีจันขอเป็นกำลังใจให้แรงงานไทยในอิสราเอลทุกคนนะคะ ขอให้ทุกคนปลอดภัย