หญิงมาเลย์ โดนสามีบอกเลิก เพราะถอดซิลิโคนหน้าอก

เจ็บกระดองใจ! หญิงมาเลเซีย โดนสามีบอกเลิก เพราะต้องถอดซิลิโคนเสริมหน้าอกออก เพื่อรักษาอาการป่วยมะเร็งเต้านมระยะที่ 4

หญิงชาวมาเลเซีย ร้องเรียนหลังถูกสามีทอดทิ้ง โดยเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.66 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ข่าวชื่อดัง ‘เวิลด์ออฟบัซ’ รายงานเรื่องราวสะเทือนใจจากรัฐเตรังกานู ประเทศมาเลเซีย เกี่ยวกับหญิงชาวมาเลย์ ที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมาน ทั้งทางร่างกายและจิตใจ หลังจากการตัดสินใจที่ยากลำบาก เกี่ยวกับสุขภาพของเธอเอง

หญิงคนนี้ได้เข้าร้องเรียนกับกองสนับสนุนกระทรวงยุติธรรมของรัฐ หลังจากที่สามีของเธอได้ตัดสินใจหย่าร้างกับเธอ หลังจากที่เธอผ่านการผ่าตัดนำหน้าอกออก เพื่อรักษามะเร็งเต้านมระยะที่ 4 และป้องกันไม่ให้มะเร็งลุกลาม สามีของเธอไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้ และต้องการให้เธอรักษาด้วยวิธีแพทย์แผนโบราณแทน แต่เธอปฏิเสธและเลือกทางการแพทย์แบบปัจจุบัน

ทั้งนี้ สามีของเธอยังได้กล่าวคำพูดที่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดใจว่า “คนป่วยเป็นมะเร็งเต้านมอยู่ได้แค่ปีเดียวเท่านั้น” แต่คำพูดนั้นได้พูดมาแล้วกว่า 7 ปี และเธอก็ยังมีชีวิตอยู่อย่างแข็งแกร่งจนถึงทุกวันนี้

การทิ้งของสามีทำให้เธอป่วยเป็นโรคซึมเศร้า มีอาการปวดเนื้อปวดตัว และอารมณ์แปรปรวน แต่แม้จะเจอกับความยากลำบาก เธอได้พบความสุขใหม่ในชีวิต โดยเธอได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้ชายอีกคนหนึ่ง และอาศัยอยู่กับลูกสาวของเธอ หญิงคนนี้ได้กล่าวว่า การเลิกกับสามีเหมือนกับการหลุดพ้นจาก “นรกบนดิน” และตอนนี้เธอรู้สึกว่า ได้พบกับความสงบสุขในชีวิตใหม่

ขอบคุณภาพจาก เว็บไซต์ เวิลด์ออฟบัซ 

ในการสัมภาษณ์ล่าสุด หญิงผู้กล้าหาญคนนี้ได้แบ่งปันถึงความท้าทาย และความเจ็บปวดที่เธอเผชิญ ทั้งยังเปิดเผยถึงความสำคัญของการมีกำลังใจและการได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนฝูง นอกจากนี้ เธอยังแสดงความหวังที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน โดยเธอกล่าวว่า “การต่อสู้ของฉันไม่เคยจบ แต่ฉันเรียนรู้ที่จะยืนหยัดอย่างเข้มแข็งและเดินหน้าต่อไป”

เรื่องราวของเธอได้เป็นแรงบันดาลใจ และเรียกร้องความสนใจจากชุมชนและองค์กรต่างๆ ในมาเลเซีย และหวังว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในการรับมือกับปัญหาสุขภาพจิต และการสนับสนุนผู้ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบากเช่นนี้

หลังจากการร้องเรียนของเธอ ทางกองสนับสนุนกระทรวงยุติธรรมประจำรัฐได้เริ่มต้นการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีนี้ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีความเข้าใจและการสนับสนุนภายในครอบครัว ในทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น