รายงานจาก เว็บไซต์ vnexpress ของเวียดนาม เผยแพร่ข่าวว่า อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังชาวเวียดนาม ฮวาก๊วกอันห์ ชาวโฮจิมินห์ ได้รับคำสั่งให้จ่ายค่าปรับจำนวน 10,581 บาท จากการลงวิดีโอที่ดูหมิ่นนครวัด ซึ่งเป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของกัมพูชา เมื่อปีก่อน
ทางการเวียดนามในเมืองโฮจิมินห์ ได้ออกคำเตือนต่อ ฮวาก๊วกอันห์ พร้อมกับการปรับเงิน โดยขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายในการใช้งานอินเตอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียอย่างเคร่งครัด วิดีโอที่นำขึ้นไปบนแพลตฟอร์ม TikTok ของเขาซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 7 แสนคน ได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก
ในวิดีโอนั้นปรากฏภาพหญิงสาวที่สวมชุดไทยโบราณเดินรอบนครวัดที่เสียมราฐ และมีภาพธงชาติไทยและพระมหากษัตริย์ไทยปรากฏขึ้น พร้อมกับเสียงบรรยายว่า “สวัสดีประเทศไทย” ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเวียดนามและกัมพูชา
ภายหลังที่คลิปวิดีโอกลายเป็นประเด็นร้อน หน่วยงานอนุรักษ์มรดกโลกนครวัด (Apsara) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อวัฒนธรรมและมรดกโลกของชาวกัมพูชา โดยมีการร้องขอไปยัง TikTok เพื่อลบเนื้อหาคลิปดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีคนไทยบางส่วนที่แสดงความคิดเห็นต่อต้านคำกล่าวอ้างว่า นครวัดเป็นส่วนหนึ่งของกัมพูชา ซึ่งสะท้อนถึงประเด็นข้อพิพาทด้านมรดกโลกที่ยังคงมอยู่ แม้ว่าประเทศในอาเซียนทุกประเทศจะยอมรับและเคารพว่านครวัดเป็นมรดกของชาวกัมพูชา แต่การถกเถียงยังคงอยู่ตามข้อเท็จจริงทางภูมิศาสตร์ที่ว่า นครวัดตั้งอยู่ไม่ไกลจากชายแดนไทย
นครวัด เป็นหนึ่งในโบราณสถานที่สำคัญและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยมีผู้เยี่ยมชมมากกว่าหลายล้านคนต่อปี และถูกยูเนสโกประกาศเป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี 1992 การกระทำของ ฮวาก๊วกอันห์ ทำให้ภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของกัมพูชาได้รับความเสียหาย จนกระทั่ง ปรัก จันดาร์ รองนายกรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชา ได้กล่าวว่า อาจมีการห้ามฮวาก๊วกอันห์เข้าประเทศกัมพูชาเป็นเวลาถึง 10 ปี เพื่อเป็นการลงโทษต่อการกระทำดังกล่าว
ในที่สุด การกระทำของ ฮวาก๊วกอันห์ ที่ไม่เหมาะสมได้สร้างความไม่พอใจอย่างมากในหมู่ชาวกัมพูชาและชาวเวียดนาม และยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ซึ่งมีความสำคัญต่อการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ สถานการณ์นี้ยังเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น จากการใช้โซเชียลมีเดียอย่างไม่ระมัดระวัง และความจำเป็นในการยึดถือกฎหมายและข้อบังคับในการใช้พื้นที่ออนไลน์
ด้วยความที่นครวัดเป็นสถานที่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมสำหรับชาวกัมพูชา และเป็นที่ยอมรับในระดับโลก การละเมิดหรือมองข้ามคุณค่านี้ จึงเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ทั้งนี้ การปรับและมาตรการที่ทางการกัมพูชา และเวียดนามดำเนินการได้เป็นการตอกย้ำความสำคัญของการเคารพและรักษามรดกวัฒนธรรม รวมถึงการแสดงถึงความรับผิดชอบของแต่ละบุคคลในสังคมโลก ที่มีการเชื่อมต่อกันอย่างใกล้ชิดในยุคดิจิทัลนี้