นายกฯ อิตาลี เริ่มคลายล็อกดาวน์ 4 พ.ค.นี้ มุ่งเป้าให้คนมีงานทำ

นายกรัฐมนตรีอิตาลี เผยแผนปลดล็อกดาวน์เฟส 2 เริ่ม 4 พ.ค.นี้ เข้ม ชี้มุ่งเป้าให้คนได้ทำงาน เข้มมาตรการป้องกัน ลั่นหากรักอิตาลี ต้องรักษาระยะห่าง

วานนี้ (27 เม.ย.2563) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จูเซปเป คอนเต นายกรัฐมนตรีอิตาลี ประกาศว่าตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค. เป็นต้นไป ภาคการผลิต การก่อสร้าง และภาคการค้าส่งสามารถกลับไปทำงานได้ ส่วนร้านค้าปลีก พิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี และห้องสมุดจะกลับมาเปิดทำการในวันที่ 18 พ.ค. ตามด้วยบาร์ ร้านอาหาร ร้านตัดผม และร้านเสริมสวยจะกลับมาเปิดให้บริการในวันที่ 1 มิ.ย.

คอนเตกล่าวคำปราศรัยทางโทรทัศน์ว่า ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค. ประชาชนจะได้รับอนุญาตให้ไปเยี่ยมญาติสนิทมิตรสหายได้ตราบเท่าที่พวกเขาสวมหน้ากาก สถานที่กลางแจ้งและสวนสาธารณะต่างๆ จะเปิดให้ใช้บริการอีกครั้ง และประชาชนสามารถวิ่งจ็อกกิงหรือขี่จักรยานไปไกลกว่าบ้านของตนเกิน 200 เมตรได้

คอนเตกล่าวล่วงหน้าก่อนถึงวันสิ้นสุดการปิดเมืองระดับประเทศในวันที่ 3 พ.ค. ซึ่งจะตามมาด้วยสิ่งที่เขาเรียกว่าการปลดล็อกระยะที่ 2 เช่น อนุญาตให้จัดงานศพได้ แต่มีผู้เข้าร่วมพิธีได้มากสุด 15 คน และต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์รักษาระยะห่างทางสังคม ส่วนธุรกิจทั้งหมดจะต้องปฏิบัติตามนโยบายด้านความปลอดภัยในสถานที่ทำงานอย่างเข้มงวด

ภาพจากอีจัน

คอนเตกล่าวว่ารัฐบาลได้กำหนดราคาของหน้ากากผ่าตัดไว้ที่ 0.5 ยูโร (ประมาณ 18 บาท) ป้องกันการเก็งกำไร และให้คำมั่นว่าจะใช้มาตรการสนับสนุนขนานใหญ่แก่ภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวเพื่อเปิดเศรษฐกิจในช่วงระยะที่ 2

“ถ้าคุณรักอิตาลี จงรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลอยู่เสมอ เพื่อป้องกันผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่” คอนเตกล่าว “เรากำลังเริ่มดำเนินระยะของการใช้ชีวิตอยู่กับไวรัส เราจะต้องระวังว่าระดับการติดต่อของโรคจะพุ่งกลับมาในบางส่วนของประเทศ”

ภาพจากอีจัน

“ความเสี่ยงยังคงมีอยู่ และเราจะต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบและจริงจัง นี่คือเหตุผลที่ช่วงระยะที่ 2 จะยิ่งต้องตระหนักเรื่องการรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตรมากกว่าเดิม”

“ความรับผิดชอบในส่วนของพวกเราแต่ละคนเป็นสิ่งสำคัญมาก หากคุณรักอิตาลี คุณต้องหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อ”

นายกรัฐมนตรีคอนเตเตือนว่า “หากเราไม่เคารพกฎรักษาระยะห่าง เส้นกราฟจะพุ่งกลับขึ้นไปจนอาจอยู่นอกเหนือการควบคุม ยอดเสียชีวิตของเราจะเพิ่มขึ้น และเมื่อถึงจุดนั้น ความเสียหายต่อเศรษฐกิจของเราจะไม่สามารถเอากลับคืนมาได้อีก”

คอนเตเสริมว่า “จุดมุ่งหมายของเราคือไม่ให้มีคนขอใช้สิทธิสวัสดิการตกงานมากไปกว่านี้ แต่ให้คนมีงานทำมากขึ้นแทน”