จากรายงานของ สำนักข่าวรอยเตอร์ ทางการเกาหลีใต้ได้ดำเนินการอพยพประชาชนบนเกาะย็อนพย็องไปยังหลุมหลบภัย ตามคำสั่งด่วน หลังจากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธกว่า 200 ลูก โดยเกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันนี้ (5 ม.ค.67) ระหว่างเวลา 09.00-11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขีปนาวุธเหล่านี้ถูกยิงลงใกล้เส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลที่ระหว่างทั้งสองชาติ
ข้อมูลเบื้องต้นไม่พบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต และไม่มีรายงานความเสียหายทางทหารของเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตาม โฆษกคณะเสนาธิการร่วมเกาหลีใต้ได้ประณามการกระทำของเกาหลีเหนือว่า เป็นการยั่วยุและเพิ่มความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี นอกจากนี้ ทางการเกาหลีใต้ยังมีแผนที่จะทำการซ้อมยิงขีปนาวุธเพื่อตอบโต้เกาหลีเหนือ
สถานการณ์ปัจจุบันยังคงตึงเครียด เนื่องจากทั้งสองชาติยังไม่ได้ลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพอย่างเป็นทางการ แม้สงครามเกาหลีจะหยุดลงด้วยการสงบศึกตั้งแต่ปี 2496 ก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของทั้งสองชาติยังคง “แช่แข็ง” ด้วยการขาดการหารือระดับสูงและการร่วมมือ
ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้เน้นย้ำถึงความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นในคาบสมุทรเกาหลี และระบุว่า การรวมชาติกับเกาหลีใต้อย่างสงบนั้นเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป สถานการณ์นี้ตอกย้ำถึงความตึงเครียด และความไม่แน่นอนที่ยังคงมีอยู่ระหว่างสองชาติบนคาบสมุทรเกาหลี อย่างไรก็ตาม การกระทำล่าสุดของเกาหลีเหนือที่ยิงขีปนาวุธ เป็นการแสดงถึงความไม่พอใจ และความไม่ยอมรับต่อสถานะปัจจุบันของความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติ ทำให้ภาวะความขัดแย้งและความตึงเครียดเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ทั้งนี้ การตอบสนองของเกาหลีใต้ที่วางแผนจะซ้อมยิงขีปนาวุธ เป็นการกระทำที่แสดงถึงความพร้อมในการป้องกัน และการแสดงอำนาจทางทหารของตนเอง ในขณะเดียวกันก็เป็นการส่งสัญญาณถึงเกาหลีเหนือว่า การกระทำที่เพิ่มความตึงเครียดนี้ไม่ได้รับการยอมรับ
ดังนั้น สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลียังคงเป็นประเด็นที่น่าติดตามอย่างมากในระดับสากล โดยชาติต่างๆ และองค์กรระหว่างประเทศยังคงจับตามองการพัฒนาของสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ความหวังสำหรับความสงบสุขและความมั่นคงในระยะยาวยังคงอยู่ แต่การบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ยังคงเป็นท้ายที่ยากและต้องอาศัยความร่วมมือและการเจรจาจากทั้งสองฝ่ายอย่างจริงจังและมีประสิทธิผล ความพยายามในการสร้างสันติภาพยังคงเป็นเป้าหมายที่ทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุ
