สมเด็จฮุนเซน ชนะเลือกตั้งกัมพูชา ล่มทลาย-ไร้คู่แข่ง ครองอำนาจปีที่ 39

‘สมเด็จฮุนเซน’ ครองอำนาจต่อเข้าปีที่ 39 หลัง ชนะเลือกตั้งกัมพูชา ล่มทลาย-ไร้คู่แข่ง ลือหึ่งปูทาง ลูกชาย สืบทอดตำแหน่งผู้นำประเทศต่อ

‘สมเด็จฮุนเซน’ ชนะการเลือกตั้งกัมพูชาอีกรอบแบบราบคาบ ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ก.ค.66 ที่ผ่านมา เพราะพรรคแสงเทียน พรรคฝ่ายค้านแค่หนึ่งเดียวถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตัดสิทธิก่อนหน้านี้ ทำให้ไม่มีสิทธิลงแข่ง และทำให้สมเด็จฮุนเซน ได้ครองอำนาจในกัมพูชาต่อไป

อย่างไรก็ตาม การจัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหญของกัมพูชารอบนี้ เพื่อสรรหาสส.ชุดใหม่เข้าสภา ซึ่งหลังจากปิดถีบเลือกตั้ง โฆษกพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ได้ออกมาแถลงว่า เลือกตั้งครั้งนี้ชนะแบบแลนสไลด์ และเชื่อว่า จะได้ที่นั่งทั้งหมด 125 ที่นั่ง และ กกต.กัมพูชาเอง ก็ออกยืนยันแล้วว่า พรรค CPP ได้ 125 ที่นั่ง ซึ่งเสียที่นั่งให้กับพรรค FUNCINPEC เพียงแค่ 5 ที่นั่งเท่านั้น

ทำให้ ‘สมเด็จฮุนเซน’ ได้ครองอำนาจต่ออีกเข้าสู่ปีที่ 39 แล้ว หลังจากที่เขาเข้ามาเป็นผู้นำของกัมพูชาตั้งแต่ปี 2528 แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งนี้ หลายฝ่ายมองว่า เป็นเกมที่ไม่ใสสะอาด เนื่องจากก่อนการเลือกตั้ง พรรคแสงเทียน (CP) ซึ่งเป็นภาพฝ่ายค้าน ถูก กกต.สั่งยุบพรรคและตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง สาเหตุเพียงเพราะยื่นเอกสารให้ครบ ขณะที่ พรรคเล็กๆ อีก 17 พรรค ก็ไม่มีทุนที่จะหาเสียง

นี่จึงเป็นเหตุผลให้พรรคของ สมเด็จฮุนเซน มีโอกาสชนะตั้งแต่ยังไม่เปิดคูหา ซึ่งหากเราย้อนไปดูเหมือนกันเลือกตั้งกัมพูชาในปี 2561 พรรค CPP ของสมเด็จฮุนเซน ก็แลนด์สไลด์กวาดที่นั่งในสภาล่างไป 125 ที่นั่งเช่นเดียวกัน

สำหรับการเลือกตั้งในกัมพูชาครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 7 นับตั้งแต่ องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) สนับสนุนให้มีการเลือกตั้งในปี 2536

โดยมีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากกว่า 9.7 ล้านคน โดยในจำนวนนี้รวมถึงกลุ่มเขมรแดงด้วย ซึ่งมีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งสูงถึง 85%

ขณะเดียวกัน ก็เกิดกระแสข่าวว่า ‘สมเด็จฮุนเซน’ ได้วางตัวลูกชายคนโต ‘ฮุน มาเนต’ สืบทอดตำแหน่งผู้นำประเทศต่อ เพราะเขาเคยออกมาบอกว่า สามารถส่งต่ออำนาจได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งแน่นอนว่า หากสามารถสืบต่อตำแหน่งได้จริง ก็จะทำให้ ตระกูลของสมเด็จฮุนเซน เรืองอำนาจในกุมพูชามากกว่าเดิม หลายเท่า