หลังประเทศต่างๆทั่วโลกได้มีการปลดล็อคและผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค ซึ่งทำให้มีการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ดีขึ้น โดยมีอัตราการขยายตัวดีต่อเนื่องทั่วโลก แต่ล่าสุดได้มีข่าวรายงามว่า ได้มีไวรัสตัวใหม่ที่กำลังแพร่ระบาดในบางประเทศแถบแอฟริกากลาง และมีผู้เสียชีวิตแล้ว
โดยรายงานข่าวจากเว็บไซต์ voanews รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ก.พ 66 ประเทศอิเควทอเรียลกินี(Equatorial Guinea) ได้มีการยืนยันการระบาดของไวรัส “มาร์เบิร์ก”(Marburg) โดยใช้กล้องไมโครกราฟอิเลคตรอนแบบส่องผ่านสีเนกาทีฟ และได้แสดงภาพของไวรัสมาร์เบิร์ก(Marburg virus) ซึ่งประเทศอิเควทอเรียลกินีมีการประกาศการระบาดครั้งแรกของไวรัส “มาร์เบิร์ก”นี้ โดยองค์การอนามัยโลก-WHO ระบุในแถลงการณ์ว่า เป็นโรคติดเชื้อที่คล้ายกับอีโบลา(Ebola) และโรคนี้จะมีอาการต่างๆ ได้แก่ ไข้สูงและปวดศีรษะรุนแรง โดยผู้ป่วยหลายรายมีอาการเลือดออกภายในเจ็ดวัน
ซึ่งประเทศอิเควทอเรียลกินี(Equatorial Guinea) เป็นประเทศเล็กๆในแอฟริกากลางที่มีประชากรประมาณ 1.6 ล้านคน โดยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 10 คน และอีก 200 กว่าคนที่อยู่ในพื้นที่กักกันเชื้อ โดย นาย มิโตฮะ ออนโดโอะ อาเยคาบะ(Mitoha Ondo'o Ayekaba) รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของประเทศอิเควทอเรียลกินี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า มีการประกาศเตือนภัยด้านสุขภาพในจังหวัด คี-นเท๋ม(Kie-Ntem) และเขตมองโกโม(Mongomo)ที่อยู่ใกล้เคียง
โดยไวรัสมาร์เบิร์ก(Marburg)นี้ มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 88 เปอร์เซ็นต์และแพร่กระจายจากคนสู่คนผ่านการสัมผัสโดยตรงกับของเหลวในร่างกาย อีกทั้งองค์การอนามัยโลก-WHO ยังระบุอีกว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำการในอิเควทอเรียลกินี(Equatorial Guinea) เพื่อติดตามผู้ที่สัมผัสกับไวรัสนี้ และให้การรักษาทางการแพทย์แก่ผู้ที่แสดงอาการของโรค
นายมัตชิดีโซ โมเอติ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคแอฟริกา กล่าวว่า ไวรัสมาร์เบิร์ก(Marburg) มีการติดเชื้อสูง และต้องขอบคุณการดำเนินการอย่างรวดเร็วและเด็ดขาดของทางการอิเควทอเรียลกินี(Equatorial Guinea)ในการยืนยันโรค และสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่รวดเร็ว เพื่อให้เราช่วยเหลือและหยุดไวรัสโดยเร็วที่สุด” และองค์การอนามัยโลก-WHO ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนหรือยาต้านไวรัสสำหรับไวรัสตัวใหม่นี้
ดูเหมือนสถานการณ์การการแพร่ระบาดของไวรัสจะกลับมาอีกครั้ง จันหวังว่าประชากรในประเทศอิเควทอเรียลกินี(Equatorial Guinea)จะปลอดภัยกันทุกคน และไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนดูและสุขภาพและหมั่นอัปเดตสถานการณ์อยู่เสมอนะคะ
อ้างอิง voanews , usatoday , africanews
