ชายแดน เมียนมา ระอุ ต่อเนื่อง ยังมี ผู้อพยพเข้าไทย อย่างต่อเนื่อง

หลังจากที่กองกำลังรัฐบาลทหารเมียนมา ได้บุกเข้าโจมตีฐานที่มั่นของกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ในพื้นที่ จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก หลายระลอก ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 64 เป็นต้นมา ก่อนที่ในวันที่ 23 ธ.ค. กองทัพเมียนมาได้นำเครื่องบินไม่ทราบชนิด บินขึ้นเหนือน่านฟ้า เปิดปฏิบัติการทิ้งระเบิดถล่ม ฐานที่มั่นกองกำลังกะเหรี่ยง พื้นที่หมูบ้านเลเกก่อ อ.เมียวดี จ.เมียวดี ตรงข้ามบ้านไร่ดอนไชย หมู่ 6 ต.แม่ตาว อ.แม่สอด เสียงดังสนั่น อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานเรื่องความสูญเสีย ขณะเดียวกันกองทัพเมียนมาได้เคลื่อนกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ และรถยนต์บรรทุกทหาร จำนวนประมาณ 40 คัน เข้าประชิดฐานที่มั่นของกองกำลังกะเหรี่ยงที่บ้านเลเกก่อด้วย สถานการณ์การสู้รบที่รุนแรงขึ้น ทำให้มีผู้ที่พยายามข้ามมาในพื้นที่จังหวัดตาก เพื่อหนีจากภัยความไม่สงบ ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 24 ธ.ค. 64 โดยคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนประมาณ 200 คน และยังคงมีการโจมตีอย่างต่อเนื่อง จนถึงช่วงเช้าวันนี้ (25 ธ.ค. 64) ยังมีรายงานว่า มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง

เหล่าผู้อพยพได้พากันเดินเท้าเข้ามาทางบ้านแม่กุหลวง ต.แม่กุ อ.แม่สอด ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ร.14 กองกำลังนเรศวร ฝ่ายปกครอง ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ให้การช่วยเหลือและพาทั้งหมดไปหลบอยู่ในที่ปลอดภัยพื้นที่หมู่บ้านไร่ดอนไชย และบ้านมหาวันเมยโค้ง หมู่ 9 ต.มหาวัน อ.แม่สอด ตามหลักสิทธิมนุษยชนขั้นต้น และได้มีการวางกำลังเพื่อติดตามสถานการณ์ไม่ให้กระทบฝั่งไทยอย่างต่อเนื่องแล้ว

ขณะเดียวกัน เพจ หมอแม่สอด ได้โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีใจความว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา รพ.แม่สอดร่วมกับ สาธารณสุขอำเภอแม่สอด ทำงานด่านหน้า เข้าตรวจและลำเลียงคนเจ็บเข้าสู่รพ. พร้อมทั้งจัดทีมแพทย์พยาบาลลงสนาม ดูทั้งผู้บาดเจ็บจากการสงคราม และผู้ป่วยโรคติดเชื้อโรคเรื้อรังทั้งหลาย ทั้งภัยสงคราม ทั้งการเจ็บป่วยที่เกิดจากติดเชื้อ โรคประจำตัว และภาวะกดดัน ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์พบว่า บริเวณที่เจ้าหน้าที่เข้ารักษาผู้บาดเจ็บ ใกล้กับสมรภูมิมากเกินไป อยู่ในรัศมีที่อาจมีการทิ้งระเบิด จึงไม่อาจเสี่ยงให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตในหน้าที่ ณ จุดนั้นได้ และตัดสินใจถอยร่นมายังบริเวณที่คาดว่าน่าจะปลอดภัย พร้อมกับขอโทษผู้ป่วยทุกท่านล่วงหน้า ที่อาจได้รับความล่าช้าในการดูแลรักษา เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้เกินกำลังจริงๆ

จันขอให้กำลังใจกับทั้งผู้อพยพและเจ้าหน้าที่ด้วยนะคะ