ตำรวจ เร่งคลี่ปมฆ่าโหด ตายายสองพี่น้อง หมกบ่อน้ำ

ตำรวจพุ่งเป้าคนใกล้ชิด ฆ่าโหด ตายายสองพี่น้อง หมกศพในบ่อน้ำ – เช็กความเคลื่อนไหวบัญชีเงินฝาก 2 ล้าน

เหตุสะเทือนขวัญ คนร้ายฆ่าโหดสองพี่น้องตายาย โยนร่างทิ้งบ่อน้ำ ซึ่งเบื้องต้นตำรวจพุ่งเป้าคนร้ายเป็นคนใกล้ชิด

ความคืบหน้า 18 เมษายน 67 พ.ต.อ.ฉลาด พลนาการ ผกก.สภ.หลังสวน ได้เรียกประชุมตำรวจชุดสืบสวน เพื่อลงพื้นที่เก็บพยานหลักฐาน เช่น กล้องวงจรปิดตามเส้นทางเข้า-ออก ที่ผ่านทางเข้าบ้านหลังเกิดเหตุ รวมถึงกล้องวงจรปิดที่โรงพยาบาลปากน้ำหลังสวน ซึ่งทั้งสองตายาย ไปพบแพทย์เมื่อวันที่ 13
เมษายน ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ทางตำรวจยังขอข้อมูลความเคลื่อนไหวบัญชีธนาคารที่นางสาวล้วน ผู้ตาย มีเงินฝากมากกว่า 2 ล้านบาท รวมทั้งเรียกเก็บรอยนิ้วมือ ดีเอ็นเอของญาติและบุคคลต้องสงสัย

ขณะเดียวกันชุดสืบสวนยังให้ข้อมูลว่า ผู้ตายทั้งสองแม้จะมีเงินฝากในธนาคารมากกว่า 2 ล้านบาท แต่จะไม่เก็บเงินจำนวนมากไว้ที่บ้าน

หากต้องการจะใช้จะโทรเรียกวินมอเตอร์ไซค์มารับแล้วจะเบิกเงินครั้งละไม่น่าจะเกิน 500 บาทเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ตำรวจชุดสืบสวนยังได้เชิญตัว นายลุต โรยสกุล อายุ 57 ปี คนขับวินมอเตอร์ไซด์รับจ้าง
ในตลาดหลังสวน ซึ่งเป็นคนที่ผู้ตายมักจะโทรเรียกให้มารับส่งไปโรงพยาบาลปากน้ำหลังสวน และซื้อข้าวของเครื่องใช้ในตลาดหลังสวนอยู่เป็นประจำ มาสอบปากคำ

โดย นายลุต เผยว่า วันที่ 13 เมษายน เวลาประมาณ 12.00 น. นางสาวล้วนได้โทรศัพท์ให้ตนมารับในตลาดหลังสวน พาไปส่งที่โรงพยาบาลปากน้ำหลังสวนตามเวลาหมอนัด

จากนั้นเวลาประมาณ 13.00 น.-14.00 น. ตนได้ขี่รถไปส่งนางสาวล้วนที่บ้าน

ตำรวจคาดว่าคนร้ายได้ก่อเหตุฆ่าสองพี่น้องในตอนเย็นวันเดียวกันนั้น

หลังสอบปากคำเสร็จ นายลุต ไม่มีพิรุธหรือหลักฐานเกี่ยวข้องกับคดีตำรวจจึงให้กลับบ้าน

ต่อมา พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 ได้เดินทางไปยังบ้านหลังเกิดเหตุ โดยเข้าตรวจจุดสองพี่น้องถูกทำร้ายใกล้เตียงนั่งใต้ถุนบ้าน ที่ยังมีคราบเลือดแห้งเกราะกรัง พร้อมตรวจจุดลากศพทั้งสองไปทิ้งยังบ่อน้ำ จากนั้นขึ้นไปตรวจสอบบนบ้านซึ่งเป็นห้องโถงโล่ง พบว่ามีร่องรอยการรื้อค้นบนที่นอนและในตู้เสื้อผ้า

จากนั้น พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ ได้กลับไปที่ สภ.หลังสวน แล้วเรียกประชุมตำรวจชุดสืบสวนในท้องที่เกิดเหตุ โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้ารับฟัง ใช้เวลาประชุมอย่างเคร่งเครียดนานประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นเดินทางกลับโดยไม่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว บอกเพียงว่ามีงานด่วนต้องรีบเดินทาง

ด้าน ผกก.สภ.หลังสวน ให้ข้อมูลว่า คนร้ายไม่น่าจะเป็นคนอื่นคนไกลน่าจะเป็นคนในเครือญาติ เพราะคนในละแวกนั้นรู้จักผู้ตายดี และรู้ว่าผู้ตายทั้งสองจะไม่เก็บเงินไว้ที่บ้าน

คาดว่าคนร้ายน่าจะเข้ามาก่อเหตุในช่วงกลางวัน เพราะหากเป็นเวลามืดค่ำ ทั้งสองซึ่งเป็นผู้สูงอายุ สายตาไม่ดี ประกอบกับบ้านที่เกิดเหตุไม่มีไฟฟ้าใช้ ในบ้านก็ไม่ได้มีข้าวของที่มีค่า การที่คนร้ายจะมานั้นเสี่ยงมาก เนื่องจากหลายคนรู้ว่าผู้เสียชีวิตมีอาวุธปืน

อย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวน เชื่อว่าจะสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้อย่างแน่นอน และเหตุการณ์นี้ถือเป็นเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ กระทบจิตใจชาวบ้าน จึงต้องขอเวลาเก็บรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียด รวมถึงหลักฐานบางอย่างบางเรื่องอยู่ในสำนวนการสอบสวน ไม่สามารถเปิดเผยได้ ขอเวลาอีก 2-3 วันจะสรุปสาเหตุว่าเกิดจากเรื่องอะไร ส่วนปมสังหาร ทางตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งไป