เร่งล่าคนร้ายเหี้ยม! ฆ่าตายายหมกบ่อน้ำหน้าบ้าน

คนร้ายบุกฆ่า 2 ตายาย หมกบ่อน้ำหน้าบ้าน ตำรวจคาดฝีมือคนใกล้ชิด – เร่งล่าตัวดำเนินคดี

ที่จังหวัดชุมพร เกิดเหตุสลดค่ะ คนร้าย ลงมือฆ่าโหดพี่น้องตายายทิ้งหมกบ่อน้ำหน้าบ้าน!

เรื่องนี้ตำรวจ สภ.หลังสวน จ.ชุมพร ได้รับแจ้งเหตุเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 67 ว่ามีศพถูกฆาตกรรม 2 ศพ ทิ้งอยู่ในบ่อน้ำหน้าบ้าน พื้นที่ ต.นาพญา อ.หลังสวน จึงไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน

เมื่อไปถึงบ้านหลังเกิดเหตุ พบว่า เป็นบ้านไม้ยกสูงสภาพเก่า ห่างจากบันไดหน้าบ้าน มีบ่อน้ำลึกประมาณ 5-6 เมตร ภายในบ่อมีกลิ่นเหม็นโชย และพบศพผู้หญิง 1 ศพ ผู้ชาย 1 ศพ เจ้าหน้าที่ต้องใช้รถแบคโฮขุดดินปากบ่อ จากนั้นหน่วยกู้ภัยจึงโรยตัวลงไปน้ำศพขึ้นมา

ศพแรกทราบชื่อคือ นางสาวล้วน เจียมวิจิตร อายุ 89 ปี ที่แขนข้างซ้ายมีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งจนหักผิดรูป

ศพที่ 2 ทราบชื่อคือ นายเจือง หรือทอง เจียมวิจิตร อายุ 85 ปี สภาพศพมีบาดแผลที่หน้าผาก เหนือคิ้วขวาถูกตีด้วยของแข็งเป็นรอยยาวไปถึงขมับ และที่ท้ายทอยอีก 2 แผล โดยผู้เสียชีวิตเป็นพี่น้องกันและพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังเกิดเหตุหลังเดียวกัน

เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณโคนเสาหน้าบ้านด้านขวา มีกองเลือดแห้งเกรอะกรังจำนวนมาก และข้างบันไดบ้านมีดพร้าวางอยู่ 1 ด้าม

ห่างกันเล็กน้อยที่เตียงนั่งเล่นใต้ถุนบ้าน มีคราบเลือดกระเซ็นเปรอะเปื้อนหลายจุด ทั้งบนพื้นและบนเตียง ใกล้เตียงมีขวานวางอยู่ 1 ด้าม รวมถึงพบร่องรอยลักษณะคล้ายมีคนลากศพเป็นทางจากเตียงไปทิ้งยังบ่อน้ำอีกด้วย

ส่วนบนบ้านมีร่องรอยการรื้อค้นสิ่งของกระจุยกระจายไปทั่ว

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายทั้งสองเป็นพี่น้องและอยู่บ้านเดียวกันมานานแล้ว โดยนายเจือง ผู้เป็นน้องชายเคยมีภรรยาและลูกชายหญิง 2 คน แต่ได้เลิกรากันไปกว่า 20 ปีแล้ว โดยลูกชายหญิงฝ่ายอดีตภรรยานำไปเลี้ยงดูด้วย จนปัจจุบันอดีตภรรยาอายุ 78 ปี ลูกสาวอายุ 45 ปี และลูกชายอายุ 43 ปี ย้ายไปอยู่อีกตำบลและไม่เคยไปมาหาสู่กันเลย

เมื่อประมาณ 2 ปี ที่ผ่านมา นายเจือง ได้ขายที่ดินไปกว่า 10 ไร่ ได้เงินมากว่า 2 ล้านบาท และนำเงินเข้าฝากไว้ในบัญชีในชื่อของ นางสาวล้วน น้องสาวที่ตายพร้อมกันในบ่อน้ำ ที่ผ่านมาผู้ตายมักจะอยู่แบบไม่สนใจไม่สุงสิงกับใคร และมีปัญหากับเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันหลายคน

ก่อนพบศพผู้ตายทั้ง 2 คน ช่วงบ่ายมีญาติพี่น้องเดินทางมาจากต่างอำเภอและต่างจังหวัดกว่า 10 คน แวะมาเยี่ยมเยือนในช่วงสงกรานต์ แต่พบว่าทั้งคู่กลายเป็นศพจึงแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ

แต่เบื้องต้น จากการสันนิษฐาน ตำรวจคาดว่าในช่วงวันที่ 13 เม.ย. หรือ 14 เม.ย. ขณะที่คนในหมู่บ้านออกไปเล่นสงกรานต์กันนอกหมู่บ้านแทบทั้งหมด เหลือเพียงตายายสองพี่น้องที่อยู่ภายในบ้าน คนร้ายน่าจะมีประมาณ 1-2 คน เข้ามาในบ้านและพยายามถามหาทรัพย์สินจาก 2 ตายาย แต่สองตายายปฏิเสธว่าไม่มีทรัพย์สินเงินทอง คนร้ายจึงใช้อาวุธซึ่งยังไม่ทราบชนิดทำร้ายทั้งคู่จนเสียชีวิต แล้วลากศพไปที่บ่อน้ำ โยนทิ้งลงไปเพื่ออำพราง ก่อนหลบหนีไป

ประเด็นถัดมา อาจจะเป็นเรื่องระหองระแหงที่เคยมีมาก่อนกับเพื่อนบ้านเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินที่ดิน ซึ่งทำให้เพื่อนบ้านโกรธแค้น และลงมือสังหารพร้อมทั้งทำเป็นค้นบ้านเพื่ออำพรางคดี

ส่วนประเด็นสุดท้าย น่าจะเป็นเรื่องของคนใกล้ชิดที่จะได้รับประโยชน์ เมื่อ 2 ตายายเสียชีวิต เมื่อเข้ามาขอแบ่งเงินจากการขายที่ดินและไม่ได้ จึงทำร้ายร่างกายตายายจนเสียชีวิต ก่อนอำพรางคดีด้วยการทำเป็นรื้อค้นบ้านและอำพรางศพ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  

มีรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ตายมีที่ดินอีกส่วนหนึ่งอยู่ต่างหมู่บ้าน แต่สำหรับที่ดินที่อยู่ปัจจุบัน เป็นที่ดินตาบอด
ต้องอาศัยที่ดินของเพื่อนบ้านเข้าออก และที่สำคัญผู้ตายทั้ง 2 มักจะมีปัญหากับเจ้าของที่ดินรอบข้างบ่อยครั้ง มีเรื่องถึงโรงถึงศาลมาแล้ว