ญาติไม่อโหสิกรรม คนร้าย ยิงตำรวจสายสืบ บึงกาฬ ดับในหน้าที่ !

เหิมหนัก คนร้าย ยิงตำรวจสายสืบ บึงกาฬ ดับในหน้าที่ สุดท้ายหนีไม่รอด ด้าน บช.ปส.เตรียมขยายผล ทลายแก๊งค้ายา ญาติไม่อโหสิกรรม ขอลงโทษประหารสถานเดียว

เกิดเหตุสลดในพื้นที่ จ.บึงกาฬ โดยช่วงสายของวันที่ 8 มิ.ย.64 พล.ต.ต.สมศักดิ์ คงไพบูลย์ ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ เปิดเผยว่าคืนที่ผ่านมามีเหตุการณ์คนร้ายยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตบริเวณหน้าร้านน้องเจนโซ่พิสัย ม.1 ต.โซ่ อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงได้ลงพื้นที่พร้อม พ.ต.อ.สุกฤษณ์ ข้อร่วมคิด ผกก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ และนำกำลังออกติดตามคนร้ายที่หลบหนี

ซึ่งผู้ตายคือ ส.ต.อ.โยธกานต์ โยธาชัย อายุ 27 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ (ป.) สภ.โซ่พิสัย ได้ขับรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูชุ สีขาว หมายเลขทะเบียน บง 7555 บึงกาฬ มุ่งหน้าเข้าตัว อ.โซ่พิสัย เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุบนถนนสาย 2095 ถนนโซ่ – ปากคาด หน้าร้านเจนค้าปลีก ข้างวัดสังขสิการามหรือหลวงปู่แสน ต.โซ่ ซึ่งห่างจากโรงพักเพียง 300 เมตร คนร้ายขับรถยนต์กระบะ 2 คัน มาจอดขวางด้านหน้า ด้านหลัง จากนั้นได้ลงมาพูดคุยกับผู้ตาย ก่อนใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงใส่ แล้วขับรถหลบหนีไป

จากการสืบสวนและติดตามจากกล้องวงจรปิด ทำให้ทราบว่า ผู้ก่อเหตุ คือ นายพรมมา หรือไก่ อายุ 46 ปี ชาว ต.โนนสว่าง อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปจับกุม ก่อนขยายผลไปจับกุมนายวีระศักดิ์ หรือแดง อายุ 37 ปี ชาว ต.คำแก้ว อ.โซ่พิสัย ซึ่งเป็นคนขับรถปิกอัพยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ แคป สีบรอนซ์ทอง บธ 1485 นครพนม พร้อมของกลาง คือ ปืน ขนาด 9 มม. 1 กระบอกและกระสุนอีกจำนวนหนึ่ง เบื้องต้น ผู้ต้องหารับสารภาพ ว่า แค้นที่ผู้ตายได้จับลูกน้องที่เป็นมือขวาหลายครั้ง ตำรวจจึงแจ้งข้อหาเบื้องต้น ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา

ซึ่งภาพเหตุการณ์ที่กล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้นั้น แสดงให้เห็นว่านายพรมมา มือปืน เเละนายวีระศักดิ์ คนขับรถลงจากรถแล้วเดินไปหารถผู้ตาย พร้อมกับพยายามเปิดประตู ก่อนที่รถของผู้ตายจะขับเบี่ยงหลบไป นายพรมมาจึงยิงเข้าไปที่กระจก 1 นัด ส่วนรถยนต์อีกคันที่ประกบด้านหลังเพื่อไม่ให้รถของผู้ตายถอยหนี มีนายฉัตรชัย หรือปอนด์ อายุ 26 ปี ชาว ต.หนองพันทา อ.โซ่พิสัย เป็นคนขับ และนายไกรวิทย์ หรือต๋อง นั่งข้าง

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (9 มิ.ย.64) พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) พร้อมคณะ และพล.ต.ต.สมศักดิ์ คงไพบูลย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุ และเข้าสภ.โซ่พิสัย เพื่อประชุมชุดคลี่คลายคดี พร้อมนำตัวผู้ต้องหา 3 คน คือนายพรมมา มือปืน นายวีระศักดิ์ คนขับรถคันหน้า นายฉัตรชัย หรือปอนด์ คนขับรถคันหลัง ขึ้นมาห้องประชุม เพื่อทำการสอบสวนด้วยตัวเอง ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ด้านนายพรมมา ได้บอกกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ระหว่างถูกนำตัวเข้าไปสอบสวน ว่าที่ลงมือยิงไปไม่คิดว่าเป็นตำรวจจริง

พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. กล่าวว่า ผบ.ตร.และท่านรอง ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ตนเดินทางมาดูความเรียบร้อยของคดีนี้ให้ถึงที่สุด จากการสอบปากคำกลุ่มผู้ต้องหารับว่าได้กระทำความผิดจริง ส่วนผู้ต้องหาบางคนที่ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น ก็มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธได้ หน้าที่ของตำรวจก็ต้องสืบสวนหาพยานหลักฐานเพื่อนำผู้กระทำความผิดในคดีนี้มาลงโทษ ส่วนการขยายผลไปยังขบวนการค้ายาเสพติดนั้น ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนว่าอยู่ในกลุ่มแก๊งไหนเป็นใครอย่างไร ซึ่ง บช.ปส.เตรียมที่จะทำลายเครือข่ายนี้ให้ราบ

จากการสืบสวนประวัติของนายพรมมา มือปืน พบว่าเคยติดคุกในคดีปล้นที่หาดใหญ่ ติด 4 ปี (ตัดสิน 12 ปี) คดีฆ่าผู้อื่น ในพื้นที่โนนสว่าง ต.หอคำ อ.เมืองบึงกาฬ ติดคุก 4 ปี และล่าสุดติดคุกคดีจำหน่ายยาเสพติด ติดคุกมาเยอะก่อเหตุมาอย่างโชกโชน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้มีประวัติมา ทางตำรวจจะไม่ทิ้งคดีต่างๆ รวมไปถึงเครือข่ายของนายพรมมา ก็จะสืบค้นอย่างเต็มที่

สำหรับการดูแลครอบครัวของ ส.ต.อ.ที่เสียชีวิต ทาง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอย่างเต็มที่ ซึ่งการเสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ปูนบำเหน็จ 5 ชั้นยศเป็นร้อยตำรวจโท และดูแลเรื่องสวัสดิการต่างๆ ให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตต่อไป

ด้าน น.ส.เข็มอักษร ภรรยาของนายฉัตรชัย ผู้ต้องหาที่ 3 กล่าวว่า หลังจากได้พูดคุยกับสามี ไม่เชื่อว่าสามีจะร่วมเป็นผู้ก่อเหตุฆ่าตำรวจ เพราะตำรวจที่ตายก็เป็นเพื่อนเรียนโรงเรียนเดียวกัน เเต่สามีก็ยืนยันว่า ว่ามีคนโทรไปบอกว่าให้ช่วยมาดูว่าเป็นรถตำรวจปลอมหรือไม่ และก็ขับมาจอดด้านหลังรถของผู้ตายพอดี เมื่อลงไปเห็นเขายิงกัน จึงวิ่งตามไปดูและแวะเข้าไปที่บ้านที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเท่านั้น ซึ่งต่อมาก็ได้พาสามีมามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งทางตำรวจบอกต้องเตรียมหาหลักทรัพย์ไว้ประกันตัวประมาณ 4 แสนบาท เเต่ตอนนี้ตนลำบากมากต้องไปหายืมเงินมาไม่รู้จะพอค่าประกันตัวหรือไม่

สรุปคดีนี้มีการจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 4 คน คือ

1.นายพรมมา มือปืน

2.นายวีระศักดิ์ คนขับรถคันหน้า

3.นายฉัตรชัย คนขับรถคันหลัง

ตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือไม่มีเหตุสมควร และยิงปืนโดยใช้ดินระเบิดในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้าโดยผิดกฎหมาย

ส่วนนายนายไกรวิทย์ หรือต๋อง ตำรวจกันตัวไว้เป็นพยาน เพราะไม่มีส่วนรู้เห็น แต่ถูกดำเนินคดียาเสพติดเนื่องจากเจ้าหน้าที่พบยาเสพติดอยู่ในบ้านพัก

โดยในวันนี้ ร้อยเวรเจ้าของคดี จะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คนไปส่งฟ้องศาลดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขณะที่บรรยากาศงานศพที่บ้านของ ส.ต.อ.โยธกานต์ ที่ห่างจากโรงพักเพียง 300 เมตร ก็เป็นไปอย่างโศกเศร้า มีผู้บังคับบัญชา เพื่อนฝูง ญาติๆ ทยอยมาร่วมไว้อาลัยและฟังสวดอภิธรรม อย่างต่อเนื่อง

ด้าน ร.ต.ต.ถนอมเกียรติ โยธาชัย อายุ 54 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นตำรวจชุดสืบสวน สภ.โซ่พิสัย เช่นกัน และนางประภาวดี ผู้เป็นแม่ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า

ส.ต.อ.โยธกานต์ หรือ น้องนุ๊กเกอร์ มีพี่น้อง 2 คน เป็นเด็กดี เป็นความหวังของครอบครัว เพราะว่าอายุยังน้อย ส่วนพ่อแม่ก็อายุมากแล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยทำให้พ่อแม่หนักใจ ไม่เคยเกเร เคยคิดอยู่เสมอว่าอาจจะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ แม่เคยไปดูดวงหมอดูบอกว่าลูก 2 คนจะมีคนหนึ่งจากไปก่อนวัยอันควร ซึ่งไม่คิดว่าจะเป็นน้องนุ๊กเกอร์ ที่ผ่านมาเขาใฝ่ฝันอยากเป็นนายร้อยตำรวจ แต่สอบไม่ติด เลยสอบนักเรียนนายสิบจนติด ตนเคยเตือนลูกให้ระมัดระวังตัวตลอดเวลาออกไปข้างนอก ออกไปทำงาน

ในส่วนพฤติกรรมของคนร้าย แม่คิดว่าไม่น่าทำกันขนาดนี้ เพราะตำรวจก็ต้องทำตามหน้าที่ ไม่กลัวบาปกรรมกันบ้างหรือ เพราะการกระทำมันโหดเกินไป ไม่ต้องติดคุกตลอดชีวิต ไม่ลดโทษ ขอให้ลงโทษด้วยการประหารสถานเดียว

อีจันขอเเสดงความเสียใจต่อครอบครัวของ ส.ต.อ.โยธกานต์ โยธาชัย ทีมสืบสวน สภ.โซ่พิสัย ด้วยนะคะ