อุกอาจ! แก๊งโจ๋ขี่ จยย. ประกบ 2 ผู้เสียหาย รุมตื้บ – ฟันไม่ยั้ง หาว่าปาขวดใส่

วอนช่วยล่าตัวคนร้าย! 2 ผู้เสียหายโดนแก๊งโจ๋ขี่ จยย. ประกบ ก่อนปล่อยหมัด-ฟันไม่ยั้ง หาว่าปาขวดใส่ ยัน ไม่เคยมีเรื่องกับใคร ยอมรับโมโห ไปแจ้งความกลับเจอพฤติกรรมแย่ๆ ของตำรวจ

ช่วงเกือบตี 1 ของวันที่ 3 มิถุนายน 2564 เกิดเหตุอุกอาจขึ้นค่ะ วงจรปิดกลางซอย 24 หมู่บ้านการเคหะเมืองใหม่บางพลี ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ จับภาพนาทีชายสองคน ขี่ จยย. เข้ามา จากนั้นมี จยย. ของคนร้าย 2 คัน มาคันละ 2 คน เป็นชายอายุราว 20-25 ปี หนึ่งในนั้นขี่เลยไปดักหน้าผู้เสียหาย จากนั้นอีกคันขับมาประกบคู่แล้วเรียกให้ 2 ผู้เสียหายจอดรถ ก่อนเริ่มเปิดฉากชกหน้าของหนึ่งในผู้เสียหายอย่างจัง จนฟุบลง ผู้เสียหายพยายามยกมือร้องขอชีวิต แต่กลับถูกคนร้ายอีกคันวนรถกลับมาพร้อมกับมีดดาบยาวเกือบหนึ่งเมตรพุ่งเข้าฟันผู้เสียหายไม่ยั้ง ขณะที่ผู้เสียหายอีกคนเสียหลักล้มกองกับพื้น ถูกฟันซ้ำจนต้องกระเสือกกระสนวิ่งหนีตาย โชคดีที่เอาชีวิตรอดมาได้

ล่าสุด ทีมข่าวลงพื้นที่ไปพบกับผู้เสียหาย นายนที อินทรา อายุ 20 ปี เล่านาทีชีวิตว่า ตนและพี่ชายขี่ จยย. ออกไปหาซื้ออะไรมากิน แต่พอออกไปก็ไม่มีร้านไหนเปิดเลย จึงพากันขี่รถกลับบ้าน โดยเข้ามาทางกลางซอย 24 เพื่อลัดออกอีกซอย จู่ๆ มี จยย. คู่กรณีขับตามหลังมาประกบแล้วเอ่ยปากตะโกนถามว่า “ปาขวดทำไม” ยังไม่ทันเอ่ยปากตอบก็ถูกเปิดฉากทำร้ายร่างกายดังกล่าว ยืนยันว่าตนและพี่ชายไม่เคยรู้จัก หรือเจอ หรือมีเรื่องกับใครแม้แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุมาก่อน

นายนที ถูกฟันที่ขาซ้าย แผลลึกถึงกระดูก เย็บกว่า 8 เข็ม และมีเลือดออกในตาข้างขวา ต้องหยุดงานพักรักษาตัวอีกหลายวัน

ขณะ นายไพศาล อินทรา อายุ 24 ปี พี่ชาย ซึ่งเป็นคนขี่ ถูกมีดฟันเข้าที่แขน นิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้จนเกือบขาด ต้องเย็บรวมกว่า 39 เข็ม อยากวอนตำรวจให้ช่วยตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้

ขณะที่ นายวีรพล พี่ชายของผู้บาดเจ็บทั้ง 2 เปิดใจถึงความรู้สึกที่เดินทางไปแจ้งความ กลับถูกตำรวจทำท่าทีเหมือนรังเกียจพวกตน ทั้งที่เป็นฝ่ายถูกกระทำแถมยังพยายามใส่ความกล่าวหาว่าน้องชายตนไปมีเรื่องมาก่อน แล้วถูกตามมาเอาคืน พยายามอธิบายก็ไม่ยอมฟัง ยอมรับว่าเสียความรู้สึกจนโมโหขณะไปแจ้งความ หลังจากแจ้งความรอบแรก ตนมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงตัดสินใจไปหาภาพจากวงจรปิดไปขอให้ตำรวจช่วยติดตาม แต่กลับเจอพฤติกรรมแย่ๆ ซ้ำสอง จึงตัดสินใจร้องเรียนต่อสื่อมวลชนในครั้งนี้