เลือดนักสืบมันร้อน ตำรวจท่องเที่ยว ปลอมเป็นพระ ตามจับฆาตกร หนีคดี นาน 10 ปี

ตำรวจท่องเที่ยว ตามจับฆาตกร หนีคดี นานกว่า 10 ปี งานนี้มีคนเสียสละ ลงทุนโกนหัวโกนคิ้ว ห่มจีวร ปลอมเป็นพระ !

เลือดนักสืบมันเรียกร้องจริงๆ ค่ะ สำหรับคดีนี้ ที่พี่ตำรวจยอมลงทุนโกนหัวโกนคิ้ว เพื่อจับคนร้าย !

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 6 มิ.ย.64 พ.ต.อ.ชุมพล พิศลย์กุลพันธ์ ผกก.1 บก.ทท.2 (ขอนแก่น) พร้อมด้วย พ.ต.ศักดิ์สิทธิ์ ธนกิจไพโรจน์ รอง ผกก.1 บก.ทท.2 และ พ.ต.ท.วโรดม ใบเรือ สว.กก.1 บก.ทท.2 นำกำลังตำรวจชุดสืบสวนตำรวจท่องเที่ยว เข้าทำการจับกุมตัว นายสนธ์ อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล จ.สว่างแดนดิน ที่ 39/2554 ลงวันที่ 21 ก.ย.2554 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดๆ โดยให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ขณะหลบซ่อนตัวอยู่ในกระท่อมไม่มีเลขที่ ภายในสวนยางพารา อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี ก่อนทำการควบคุมตัวมาทำการสอบสวนที่ สถานีตำรวจท่องเที่ยวขอนแก่น

พ.ต.ท.วโรดม ใบเรือ สว.กก. 1 บก.ทท. 2 กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา โดยที่ได้ร่วมกันกับพวกรวม 4 คน ก่อเหตุฆ่าคนตายและนำศพไปทิ้งไว้ที่บริเวณเขื่อนน้ำอูน อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร เมื่อปี 2554 หลังก่อเหตุผู้ต้องหาทั้งหมดต่างคนต่างแยกย้ายกันหลบหนี โดยที่นายสนธ์ ได้หลบหนีไปทำงานที่ภาคใต้นานกว่า 10 ปี โดยในช่วงของการหลบหนีนั้นระมัดระวังตัวตลอดเวลาโดยไม่มีการติดต่อใครใดๆ ทั้งสิ้น เว้นแต่คนในครอบครัว ซึ่งตำรวจได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมและลงพื้นที่หาข่าวมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งทราบว่าลูกชายของนายสนธ์ ได้มาบวชเรียนที่วัดแห่งหนึ่ง ที่ อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี

“เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ซึ่งสืบทราบแน่ชัดว่าครอบครัวของผู้ต้องหานั้นอยู่ในพื้นที่ จ.อุดรธานี จึงได้ปลอมตัวเป็นพระ เพื่อสืบสวนหาข่าวที่วัดดังกล่าว โดยได้มีการประสานงานร่วมกับพระผู้ใหญ่ในพื้นที่ได้รับทราบ จนกระทั่งสืบทราบว่าวันนี้ ภรรยาของนายสนธ์ จะเดินทางมาพบกับพระลูกชาย เพื่อขอรับอาหารไปรับประทานกับครอบครัว ตำรวจที่ปลอมตัวเป็นพระจึงเฝ้าติดตามพฤติกรรมและสอบถามจนกระทั่งทราบที่อยู่ของผู้ต้องหา จึงได้ขอนำอาหารไปให้กับผู้ต้องหาเองร่วมกับครอบครัวของผู้ต้องหาด้วย โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งคอยดูอยู่ไม่ห่าง”

พ.ต.ท.วโรดม กล่าวต่ออีกว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ที่ปลอมตัวเป็นพระ และ พระลูกชาย รวมทั้งภรรยาของผู้ต้องหาเดินทางไปถึงที่กระท่อมดังกล่าว พบผู้ต้องหาอยู่ภายในกระท่อมหลบซ่อนตัวอยู่จึงส่งมอบอาหารให้และแสดงตัวเพื่อจับกุมทันที โดยกำลังเจ้าหน้าที่ที่ซุ่มอยู่ได้แสดงตัวและปิดทางเข้า-ออกทุกจุดเพื่อป้องกันการหลบหนี ก่อนที่จะทำการแสดงหมายจับและควบคุมตัวมาสอบสวนที่สถานีตำรวจท่องเที่ยวขอนแก่น ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา และให้การที่เป็นประโยชน์ โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้เพราะจะกระทบกับสำนวนการสอบสวน อย่างไรก็ตามภายหลังจากการสอบปากคำแล้วเสร็จจึงทำการควบคุมตัวผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวน สภ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ซึ่งการอำพรางตัวเป็นพระสงฆ์ เพื่อจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าว ได้รับการเปิดเผยจาก ร.ต.อ. ธานินทร์ เทพชารี รอง สว. กก.1 บก ทท.2 บช ทท.เจ้าของความคิดและการวางแผนจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าวว่า ตัวเองเคยรับราชการอยู่กองปราบ เมื่อย้ายมาอยู่ชุดสืบสวนตำรวจท่องเที่ยว บก ทท.2 บช ทท.ก็สนใจในคดีต่างๆ เช่นเดียวกับคดีของนายสนธิ์ ที่ศาลออกหมายจับมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว แต่จับไม่ได้ เมื่อเห็นหมายจับจึงคิดว่าลองสืบสวนดูตามแนวทางการทำงานของการสืบสวนในคดีสำคัญอื่นๆ

โดยเริ่มลงพื้นที่ไปยังบ้านหมู่บ้านที่ผู้ต้องหาเคยอาศัยอยู่และมีครอบครัวอยู่ จนทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกพื้นที่ไปตั้งแต่ ฆ่าคนตายแล้วโยนศพทิ้งน้ำในเขื่อนน้ำอูน อ.วาริชภูมิจ.สกลนคร เมื่อปี 2554 ซึ่งการลงพื้นที่ในแต่ละครั้ง ทำให้ทราบว่า การสืบสวนจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าวนั้น น่าจะยาก เพราะด้วยนิสัยของคนพื้นที่ เป็นคนโอบอ้อมอารี รักใคร่กัน จึงไม่มีคนให้ข้อมูล แต่ก็พยายามหาแหล่งข่าวในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง

กระทั่งทราบจากแหล่งข่าวว่า เมื่อปี 2563 ผู้ต้องหาพร้อมภรรยาคนที่ 3 เดินทางกลับจากทางภาคใต้ มาทำบัตรประชาชนที่ อ.วังสามหมอ จากนั้นก็ไม่มีใครพบตัวอีกแต่แหล่งข่าวแจ้งว่า ลูกชายของผู้ต้องหา 2 คน ได้บวชเรียนที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี จากนั้นประมาณเดือนเมษายน 2564 จึงลองปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยว เข้าไปเที่ยวทำบุญที่วัดดังกล่าว ก็พบเณร 2 รูปจริง จึงคิดว่า ลูกบวชเรียน มีชาวบ้านตักบาตร ข้าวสาร อาหารแห้ง รวมถึงปัจจัยก็น่าจะมี คนเป็นพ่อแม่ น่าจะเดินทางมาเยี่ยมลูก หรือรับเอาสิ่งของจากลูกที่บวชเณรในวัด และพระสงฆ์หรือสามเณร คนไทยจะให้ความเคารพศรัทธา ตำรวจน่าจะพรางตัวเป็นพระสงฆ์ เพื่อเฝ้าดูพฤติกรรมของบุคคลที่ไปมาหาสู่กับสามเณรทั้ง 2 รูป เพื่อนำไปสู่การจับกุมนายสนธ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว จึงนำแนวคิดดังกล่าวมาหารือกันในทีมสืบสวน โดยคุยกันว่า ต้องมี 1 คนเสียสละตัวในการโกนผมเพื่ออำพรางตัวเป็นพระสงฆ์ เข้าไปอยู่ในวัดประมาณ 7-10 วัน โดยแจ้งกับทางวัดว่า อำพรางตัวเพื่อสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาในคดียาเสพติด ทางวัดก็อนุญาตให้ตำรวจที่อำพรางตัวเข้าไปอยู่ในวัด

วันที่ 4 มิ.ย.64 เป็นวันแรกที่ตำรวจอำพรางตัวเข้าวัด ซึ่งเป็นวันที่โชคเข้าข้างมาก เพราะในวันดังกล่าว ภรรยานายสนธ์ ขับขี่ซาเล้งมาขายกบในหมู่บ้านและแวะมาขอกับข้าวกับเณรที่วัด เมื่อได้แล้วก็ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ตำรวจที่อำพรางตัวเป็นพระ จึงรีบส่งสัญญาณให้ทีมที่แฝงตัวอยู่รอบนอก ตามภรรยานายสนธ์ไป ทีมสืบสวนจึงใช้รถจักรยานยนต์ของแหล่งข่าว ขับขี่ตามรถคันดังกล่าวไป เป็นระยะทาง 10 กม.จึงถึงที่พัก ซึ่งมองเห็นกระท่อมในป่าสวนยางเป็นที่พักของนายสนธ์และภรรยา

วันที่ 5 มิ.ย.64 ทีมสืบสวนจึงนำกำลังพร้อมหมายจับของศาล เข้าจับกุมตัวนายสนธ์ อายุ 55 ปี ใน ต.ผาสุก อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล จ.สว่างแดนดิน ได้ที่กระท่อมภายในสวนยางดังกล่าว