ไล่ไทม์ไลน์ 1 ปี 21 วัน ปริศนา คดีน้องชมพู่ ใกล้ถึงตอนอวสาน เมื่อศาลออกหมายจับ ลุงพล

ไล่ไทม์ไลน์ 1 ปี 21 วัน คดีน้องชมพู่ ใกล้ถึงตอนอวสาร เมื่อทีมสืบ รวบรวมพยานหลักฐาน จนออกหมายจับ ลุงพล ได้ในที่สุด

กลายเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก กรณีการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่” ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่หายออกจากบ้านในหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เมื่อวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาพบศพบริเวณเขาภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ในวันที่ 14 พ.ค. ห่างจากบ้านพัก 5 กิโลเมตร และมีการชันสูตรพลิกศพมากถึง 3 ครั้ง ก็หาข้อสรุปได้แม้จะผ่านมาแล้ว 144 วัน

11 พฤษภาคม 2563 ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี หายไปจากบ้านพักใน ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ขณะที่น้องชมพู่อยู่กับ “สะดิ้ง” พี่สาว ส่วนพ่อกับแม่ออกไปกรีดยางที่สวน

14 พฤษภาคม เวลาประมาณ 18.00 น. สองตายายขึ้นไปหาผักหวานที่ภูเหล็กไฟ พบรองเท้าเด็ก เข้าใจว่าเป็นของน้องชมพู่ ต่อมาจึงได้พาเจ้าหน้าที่ป่าไม้ขึ้นไปดูยังจุดที่พบรองเท้า และค้นหาทั่วบริเวณ กระทั่งพบศพของน้องชมพู่อยู่ในสภาพเปลือยกาย ห่างจากจุดที่พบรองเท้าประมาณ 5 เมตร

15 พฤษภาคม ตอนเช้ าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กกตูม นำศพน้องชมพู่ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีนายนรินทร์ หลาบโพธิ์ อายุ 35 ปี หรือน้าแต ร่วมเดินทางไปด้วย หลังการผ่าชันสูตรพลิกศพ นายนรินทร์เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จากการผ่าศพพิสูจน์ ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย หรือการล่วงละเมิดทางเพศ ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตต้องรอผลอย่างเป็นทางการจากทางห้องแลปนิติวิทยาศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง สำหรับศพของน้องชมพู่ ญาติได้รับกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านกกกอก ตำบลกกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ในเย็นวันเดียวกัน

ต่อมา แพทย์ผู้ชันสูตรแถลงว่า เวลา 14.30 น. วันที่ 15 พฤษภาคม​ ชันสูตรร่างของน้องชมพู่ พบสภาพศพภายนอก มีเพียงร่องรอยขีดข่วนที่อาจเกิดจากกิ่งไม้ รอยขีดข่วนกระจายเป็นกลุ่มๆ พบมากที่สุดบริเวณแผ่นหลัง รองลงมาคือเหนือข้อเท้าด้านซ้าย เป็นร่องรอยที่เกิดขึ้นขณะยังมีชีวิต

ส่วนศีรษะ​ พบว่ากะโหลกสภาพปกติ​ ไม่แตกร้าว​ คอไม่หัก​ ไม่มีรอยฟกช้ำ​ ขณะที่อวัยวะภายในเริ่มเน่าจนไม่สามารถตรวจพิสูจน์ได้ สมองและปอดไม่พบความผิดปกติที่เกิดจากการทำร้ายร่างกาย

ส่วนกระเพาะอาหารไม่มีอาหารหลงเหลืออยู่เลย มีเพียงของเหลว 10 มิลลิลิตรเท่านั้น ที่สำคัญอวัยวะเพศไม่พบร่องรอยที่เกิดจากการถูกล่วงละเมิด เยื่อพรหมจรรย์ยังอยู่ครบสมบูรณ์

18 พฤษภาคม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการชันสูตร สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เผยผลการชันสูตรเบื้องต้นว่า ไม่ปรากฏสาเหตุการเสียชีวิต แต่พบบาดแผลตามร่างกายและอวัยวะเพศ

20 พฤษภาคม พ่อและแม่จัดพิธีฌาปนกิจศพน้องชมพู่ ที่ป่าช้าบ้านกกกอก

26 มิถุนายน ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมุกดาหาร แถลงชี้แจงกรณีรับตัวชายเร่ร่อน มีอาการกลัวคนจะมาทำร้าย มีความผิดปกติของคลื่นหัวใจ มีค่าครีเอตินินสูง ต้องรักษาอาการทางกายก่อนรักษาอาการทางจิต

7 กรกฎาคม “ลุงพล” ไปออกรายการดัง เปิดใจเกี่ยวกับกรณีถูกสงสัยว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าน้องชมพู่ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนฆ่าล้านเปอร์เซ็นต์ รักเหมือนลูกตัวเอง พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตพ่อแม่น้องชมพู่

8 กรกฎาคม พ่อแม่น้องชมพู่เปิดใจเหตุสงสัยในตัว “ลุงพล” พบพิรุธหลายประเด็น ให้ข้อมูลไม่ตรงกัน มั่นใจ “สะดิ้ง” ไม่โกหก

28 กรกฎาคม ตาน้องชมพู่นำครอบครัวของพ่อแม่น้องชมพู่ ลุงพลและป้าแต๋น และคนในครอบครัว ร่วมพิธีดื่มน้ำสาบานที่วัดถ้ำภูผาแอก ขณะที่ลุงพลไม่ยอมดื่มน้ำสาบานและปักธูปกลับหัว

26 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตัว พ่อน้องชมพู่ สอบปากคำ

25 กันยายน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เปิดเผยความคืบหน้าคดีว่า ตำรวจยังคงสืบสวนสอบสวนคดีน้องชมพู่อยู่ และไม่ได้ทิ้งคดีดังกล่าวแต่อย่างใด ยันยึดพยานหลักฐาน

26 กันยายน เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกสอบปากคำ “ลุงพล” หลังตรวจสอบเรื่องกระสอบท้ายรถ

2 ต.ค. 63 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นัดแถลงคดีน้องชมพู่ซึ่งมีความคืบหน้าไปแล้ว 99 เปอร์เซ็นต์

น้องชมพู่ไม่สามารถเดินขึ้นไปบนจุดพบศพบนภูเหล็กไฟได้ด้วยตนเอง เพราะ

1. เส้นทางขึ้นภูเหล็กไฟได้มี 4 เส้นทาง ที่ยากลำบากเกินความสามารถของน้องชมพู่

2. พลังงานจากอาหารมื้อสุดท้ายที่น้องชมพู่รับประทานไปเพียงไข่เจียว 3 คำ น้ำส้ม 1 ขวด ไม่เพียงพอต่อการเดินไปจุดพบศพนั้นแน่นอน

3. จากการสอบถามประสบการณ์ชาวบ้านยืนยันว่าเด็ก 3 ขวบ ถ้าจะขึ้นเขาภูพานน้อย ก็ขึ้นได้มากสุดแค่ชั้น 2 ไม่มีทางไปถึงจุดพบศพแน่นอน

4. กรณีศึกษาการหลงป่า ของ นางทิน เชื้อคมตา ระยะทางพลัดหลงไกลว่าน้องชมพู่ 2 เท่า แต่ชาวบ้านกกตูมชาวบ้านสามารถหาได้เจอภายในคืนเดียว

5. แพทย์ผู้ชันสูตรและกุมารแพทย์ ยืนยืนว่า พัฒนาการของเด็กอายุ 3 ขวบ ไม่สามารถที่จะเดินขึ้นไปเองได้ ณจุดที่พบศพ กุมารแพทย์ยังชี้ว่าพัฒนาการของเด็กวัยนี้หากหลงทางห่างจากบ้านไป 200 เมตร ยังคงเห็นบ้านตัวเอง และกลับมาได้สภาพศพที่เปลือยกาย ซึ่งพ่อแม่ของน้องชมพู่ยืนยันว่าน้องชมพู่ไม่สามารถถอดเสื้อเองได้

7. พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ที่ตรวจพบเส้นผมน้องชมพู่ 36 เส้น ถูกตัดหรือเฉือนด้วยมีด เชื่อได้ว่าเป็นการกระทำของบุคคลอื่น เนื่องจากน้องชมพู่ไม่สามารถเฉือนเองได้

8. พ่อ แม่ คนในครอบครัวนิสัยส่วนตัวของน้องชมพู่ กลัวที่สูง กลัวที่มืด กลัวป่า กลัวสุนัข กลัวสวนยาง ที่ผ่านมาของน้องชมพู่ไม่เคยไปในป่าหลังบ้านเลยสักครั้ง พ่อแม่ไม่เคยพาไป

จึงเชื่อได้ว่า มีผู้พาน้องชมพู่ไป และทำให้น้องชมพู่ถึงแก่ความตาย ทั้งทางตรง ทางอ้อม

ต้นเดือน มกราคม ลุงพลเข้าเครื่องจับเท็จ

11 พ.ค. 64 เป็นวันครบ 1 ปี ของคดีน้องชมพู่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวถึงคดีการเสียชีวิตของ น้องชมพู่ ว่า พรุ่งนี้จะเป็นวันครบรอบ 1 ปี คดีนี้ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังคงทำงานตลอด อยากให้เชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจ

ด้านชุดทำงานในพื้นที่ ได้มีการเข้าสอบพยานเพิ่มเติม ซึ่งเป็นพยานกลุ่มเดิม แต่มีการสอบเพิ่มในประเด็นที่ยังไม่ครอบคลุม เพื่อเตรียมนำส่งสำนวนไปยังอัยการ

ระหว่างนี้ ข่าวลือ กระพืออยู่เรื่อยๆ คดีชมพู่ เตรียมจับผู้ก่อเหตุเเล้ว ทำนักข่าว เข้าที่ เตรียมตัว ระวัง กันอยู่ตลอดเวลา

จนกระทั่งกลางดึก 1 มิ.ย.64

สิ่งที่ทุกคนรอคอย ก็ปรากฎ นั้นคือ หมายจับ

ศาลจังหวัดมุกดาหาร อนุมัติหมายจับ บุคคลที่ถูกจับตามองที่สุดในคดีนี้ นั่นคือ ลุงพล นายไชย์พล วิภา ในฐานความผิด

1.ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย

2. ฆ่าผู้อื่น อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 306 ,308

3. กระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อม ทำให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป

หลังหมายจับออก

ลุงพล ป้าแต๋น หายเงียบ

ส่วน ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ยังไม่ขอให้ข้อมูล ตราบใดที่ ยังไม่เห็นหมายจับกับตาตัวเอง

หมายจับออก จับเมื่อไหร่ รอติดตาม

ลุงพล จะยังยืนยันเสียงแข็งเหมือนเดิมไหม ว่าไม่เกี่ยวข้องการตายของ น้องชมพู่

เเละหลักฐานที่ตำรวจมี จะมัดตัว ลุงพล ได้ไหม

ติดตามดูกันต่อไป