
หลังจากวานนี้ (10 มิ.ย.68) ตำรวจ ปส. บุกจับ “แพทย์หญิงคนดัง” ยศ พ.ต.อ.หญิง ในคอนโดหรูกลางกรุงเทพฯ ตามหมายจับของศาล คดีความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และยังมีข้อหาอื่นๆ อีกทั้งพบเส้น เงินหมุนเวียนขบวนการนี้กว่า 400 ล้านบาท
ล่าสุดวันนี้ (11 มิ.ย.68) ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พร้อม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แถลงข่าว “ทลายขบวนการโกงยาควบคุมจาก อย. ยึดยากว่า 170,000 เม็ด เงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้าน” ซึ่งคดีนี้น่าสนใจเพราะหนึ่งในขบวนการนี้มีรายชื่อ พ.ต.อ.พญ.อัญชุลี หรือ หมอแอร์ อดีตดาวตำรวจหญิง

โดยคดีนี้สืบเนื่องมาจาก บช.ปส.ได้รับข้อมูลจาก อย. ว่าพบความผิดปกติในการสั่งซื้อยาควบคุมจากบางคลินิก โดยพบการลักลอบนำ “ยาควบคุมแผนปัจจุบัน” ที่อยู่ในกลุ่ม วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 และ 4 ออกนอกระบบ และนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์
กลุ่มยาที่ลักลอบนำออกไปจำหน่าย มีทั้ง ยานอนหลับ ยาต้านความวิตกกังวล และยาที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งหากใช้ผิดประเภท อาจเสี่ยงต่อการเสพติด และเป็นอันตรายถึงชีวิต
จากการสืบสวน พบว่าเครือข่ายนี้มีโครงสร้างเป็นระบบ โดยมี บุคลากรทางการแพทย์ ที่มีสิทธิ์ในการสั่งยาจาก อย. โดยตรง ร่วมมือกับผู้ร่วมขบวนการ จัดตั้งคลินิกปลอมขึ้นถึง 11 แห่ง เพื่อใช้เป็นช่องทางในการสั่งซื้อยาแผนปัจจุบัน
หลังจากได้ยาแล้ว จะถูก ลำเลียงไปเก็บในบ้านพักส่วนตัว ก่อนกระจายต่อไปยังผู้ใช้ ซึ่งส่วนใหญ่คือ กลุ่มวัยรุ่น นักเที่ยวกลางคืน และผู้เสพติด ที่ต้องการยาเหล่านี้เพื่อผลทางจิตประสาท
ขบวนการนี้แบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน
• ทีมแพทย์/สั่งซื้อ : ทำหน้าที่ออกคำสั่งซื้อยาโดยใช้ชื่อคลินิก
• ทีมเก็บรักษา : รับยาและซุกซ่อนไว้ในบ้านพัก
• ทีมกระจายสินค้า : นำยาไปขายให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
• ทีมฟอกเงิน : บริหารจัดการเงินสดและทรัพย์สิน

จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่าเครือข่ายนี้มีเงินหมุนเวียนจากการขายยาผิดกฎหมายกว่า 100 ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ขอหมายจับจากศาลอาญา
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 7 ราย ได้แก่
1. พ.ต.อ.พญ.อัญชุลี (หมอแอร์)
2. นายดุริยลักษ์
3. น.ส.ณัฐพัชร์
4. นายปกรณ์
5. นายอรชุน
6. น.ส.พัชรา (จับพร้อมของกลาง)
7. น.ส.พชรมน (จับพร้อมของกลาง)
ยึดของกลางวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2:
• Alprazolam (ยาแก้แพนิค/วิตกกังวล) 57,000 เม็ด
• Zolpidem (ยานอนหลับ) 16,100 เม็ด
• Flunitrazepam (ยานอนหลับแรงพิเศษ) 24,300 เม็ด
วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 4:
• Clonazepam 63,000 เม็ด
• Clorazepate 10,000 เม็ด
รวมของกลางทั้งหมด 170,400 เม็ด
พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินเพิ่มเติม
ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา
• ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาต
• สมคบเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และได้ลงมือกระทำแล้ว
อัตราโทษสูงสุดคือ จำคุกตลอดชีวิต และปรับนับล้านบาท
พลตำรวจโท สันติ ชัยนิรามัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ได้รับคำร้องทุกข์จาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานมาโดยละเอียด ซึ่งจากพฤติการณ์จะเห็นตั้งแต่การสั่งซื้อ การนำให้นายทุนจำหน่าย การขายผู้ค้ารายย่อย และเส้นทางการเงิน กระทั่งได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ และเข้าจับกุม

หนึ่งในผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจ ซึ่ง ผบ.ตร. ได้รับทราบ และเน้นย้ำว่าหากมีข้าราชการตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด ขอให้มั่นใจว่า ไม่ว่าผู้ต้องหาจะเป็นยังไง เราจะดำเนินงานการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ด้าน พลตำรวจตรี นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด1 เปิดเผยว่า หลังจาก อย. สงสัย ทางตำรวจก็ได้ไปเฝ้าและพบว่ามีเส้นทางการนำยาออกนอกระบบจริง โดยมีลูกน้องของหมอคอยเฝ้าและนำส่ง และพบว่าได้นำไปขายให้ผู้ต้องหาที่ 5 ในพื้นที่นครปฐม ซึ่งได้จับกุมเมื่อ 20 ก.พ.68 เป็นการตรวจยึดวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 นำไปสู่การออกหมายค้นและหมายจับ
พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จะเห็นว่ากรณีนี้ มีทั้งทีมสั่งยา ทีมจำหน่ายยา และทีมเก็บยา ก็สมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปร่วมกันทำความผิดร้ายแรงที่เกี่ยวกับยาเสพติด ตำรวจก็จะได้ยึดทรัพย์ในส่วนที่สมคบ และดำเนินการต่อ
ขณะที่ ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วย รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า เรื่องนี้ อย. มีการแจ้งข่าวให้ทราบว่า มีการซื้อยาที่มีการวัตถุออกฤทธิ์ ทั้งตัวยาที่เป็นอันตรายที่มีการออกฤทธิ์คลายเครียด รักษาโรคซึมเศร้า พบว่า ในปี 65 ประมาณ 5 คลินิกที่อำนวยการสั่งซื้อยาดังกล่าว รวมๆ กันประมาณ 1 ล้านกว่า ต่อมาปี 66 ตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านกว่า ปี 67 ขึ้นมาเป็น 11 คลินิก 7-8 ล้านบาท และปี 68 ขยายเป็น 12 แห่งคลินิก จึงเป็นการตั้งข้อสังเกตว่าคลินิกดังกล่าวเกี่ยวข้องกับคุณหมอที่มีการรักษาผู้ป่วยด้านจิตเวช เลยมีการขออนุญาตซื้อยาดังกล่าว

หลังจากนั้น พบว่ามีความผิดปกติตรงที่ตัวยาดังกล่าว มีการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมากกว่าโรงพยาบาล ทำให้มีการเตรียมขยายผล พบว่าการรายงานจากคลินิกมีชื่อคนที่เสียชีวิตไปแล้ว 2 เดือน 250 ราย คาดว่ามีรายชื่อมากกว่านี้ จึงให้ตำรวจขยายผลต่อ เพราะว่าคนชำระเงินเป็นคุณหมอแอร์ ที่ชำระเงินจากคลินิกทั้งหมด และพบว่าแฟลตตำรวจเป็นที่เก็บยา จากนั้นใช้อำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานในการเข้าตรวจค้น ทั้งเส้นกลางการเงินคลินิกต่างๆ เพื่อขยายผลในเรื่องนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากการสอบปากคำเบื้องต้น ในการแจกจ่ายให้กับร้านขายยาและมีการนำไปให้กลุ่มค้ายาเสพติดพื้นที่กรุงเทพฯ ตอนนี้ตำรวจปราบปรามยาเสพติด 1 กำลังขยายผล ส่วนประเด็นการสั่งซื้อวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ต้องมีการขออนุญาตจาก อย. จำนวนการขอซื้อต้องขออนุญาตการขอซื้อเข้ามา ซึ่งจะมีขั้นสูงของแต่ละระดับไว้ต่อปี ซึ่งหมอแอร์ ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถนำไปแสวงหาหลักฐานเพิ่มเติมได้ พร้อมย้ำหลักการ “ใครผิดต้องรับผิด ไม่มีละเว้น ไม่ว่าผู้มีอิทธิพลหรือเจ้าหน้าที่รัฐ”