
หลังจากวานนี้ (10 มิ.ย.68) ตำรวจ ปส. บุกจับ “แพทย์หญิงคนดัง” ยศ พ.ต.อ.หญิง ในคอนโดหรูกลางกรุงเทพฯ ตามหมายจับของศาล คดีความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และยังมีข้อหาอื่นๆ อีกทั้งพบเส้น เงินหมุนเวียนขบวนการนี้กว่า 400 ล้านบาท
วันนี้ (11 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ได้ควบคุมตัว พันตำรวจเอกหญิงอัญชุลี หรือหมอแอร์ ไปยื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาลอาญารัชดา เป็นการฝากขังผลัดแรก มีกำหนด 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 11–22 มิ.ย.68 นี้
โดยหมอแอร์ตกเป็นผู้ต้องหาในคดี “ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาต และสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด” ในคำร้องขอฝากขัง พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว ด้วยเหตุผลว่าเป็นคดีอัตราโทษสูง อีกทั้งผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ อาจก่อให้เกิดความยุ่งเหยิงต่อพยานหลักฐาน และเสี่ยงต่อการหลบหนี

ระหว่างการควบคุมตัวไปยังศาล หมอแอร์ปรากฏตัวในชุดเสื้อแขนยาว ใส่หมวก แว่นกันแดด และแมสก์ปิดบังใบหน้าอย่างมิดชิด บริเวณข้อมือมีเสื้อคลุมปิดบังเครื่องพันธนาการไว้ โดยเจ้าตัวไม่ตอบคำถามสื่อมวลชนแม้คำถามจะมีตั้งแต่ข้อกล่าวหาถึงสิ่งที่อยากบอกสังคม พร้อมกับก้มหน้าและหลบกล้องตลอดเวลา ขณะที่เจ้าหน้าที่คุมตัวขึ้นรถไปยังศาล
สำหรับผู้ต้องหารายอื่นในขบวนการเดียวกัน ซึ่งมีทั้งหมด 6 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทยอยนำตัวไปฝากขังต่อศาลอาญารัชดาในวันพรุ่งนี้ 22 มิ.ย.68
นอกจากนี้ รายงานระบุเพิ่มเติมว่า ตลอดคืนที่ผ่านมา หมอแอร์มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด ขณะถูกคุมขังและสอบสวน โดยไม่สามารถนอนหลับได้ มีพฤติกรรมนั่งกอดเข่า บางครั้งนอนก่ายหน้าผาก เจ้าหน้าที่จึงต้องจัดตำรวจหญิงจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษ “สยบไพรี” จำนวน 2 นาย เข้าดูแลความเรียบร้อยภายในห้องควบคุมอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ในเวลาเดียวกัน ตำรวจปราบปรามยาเสพติดร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ก็ได้เข้าตรวจค้นคลินิกกายภาพบำบัดแห่งหนึ่งในซอยสุขุมวิท 18 กรุงเทพฯ รวมทั้งขยายผลเข้าตรวจคลินิกอื่นที่เกี่ยวข้องรวมทั้งหมด 11 แห่ง
จากแนวทางการสืบสวน พบว่า หมอแอร์มีพฤติกรรมใช้ชื่อแพทย์ประจำคลินิกหลายแห่งในการสั่งจ่ายยา โซแลม และยานอนหลับ โดยเมื่อมีการสั่งซื้อ ยาจะถูกพักไว้ที่คลินิกก่อนประมาณ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นจะมีการเรียกบริการไรเดอร์ให้เข้ามารับยาดังกล่าว เพื่อนำไปส่งยังแฟลตตำรวจ

การเข้าตรวจสอบครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพิสูจน์ว่า คลินิกต่างๆ มีการรักษาผู้ป่วยจิตเวชจริงหรือไม่? และการสั่งใช้ยาเป็นไปตามหลักการแพทย์ หรือมีพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายในการขนย้ายและสั่งยาหรือไม่?
หากมีความคืบหน้าจะอัปเดตให้ทราบ