
จับได้แล้ว 2 ราย แก๊งปล้นเงินซื้อขายคริปโต 3.4 ล้าน เร่งล่าอีก 5 คนที่เหลือ
จากกรณีแก๊งเสือปุ่นใช้อาวุธปืนและมีดปล้นเงิน 3.4 ล้านบาท ซื้อสกุลเงินคริปโตฯ ที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างดังย่านลาดพร้าว เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อเวลา 01.00 น. วันนี้ (1 ก.ค. 68) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก.2 บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.อัครพล โทยะ ผกก.สส.บก.น. 2 , พ.ต.อ.มารุต สุดหนองบัว ผกก.สน.พหลโยธิน , พ.ต.ท.กษิดิศ อรุณศรีโสภณ สว.สส. สน.พหลโยธิน นำกำลังจับกุมนายเฌอพัชญ์ หรือหนาว อายุ 25 ปี สาวสอง และ น.ส.นานา อายุ 31 ปี 2 คนร้าย แก๊งเสือปุ่น ตามหมายจับศาลอาญา รัชดา ที่ จ.3836,3837 /2568 ลงวันที่ 1 ก.ค.68 ข้อหาปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิด

พร้อมตรวจยึดของกลางเงินสดที่ได้จากการกระทำผิด ส่วนหนึ่ง 1.9 ล้านบาท เสื้อผ้าที่สวมใส่ขณะเกิดเหตุ สร้อยคอทองคำ หนัก 10 บาท สมุดธนาคารต่างๆ บัตรเครดิต และเอกสารต่างๆ จำนวนหนึ่ง กระเป๋าเสื้อผ้า โดยจับกุมได้ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ในอำเภอลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ก่อนควบคุมตัวไปที่ สน.พหลโยธิน เพื่อขยายผลถึงกลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ทราบชื่อ คือ
1. นายรุ่งนิรันดร์ หรือโบ้ อายุ 32 ปี
2. นายบอล อายุ 35 ปี
3. นายนนทวัฒน์ หรือสอง อายุ 28 ปี
4. นายวรวัฒน์ หรือเสือปุ่น (หัวหน้าแก๊ง) อายุ 43 ปี
5. นายอนันต์ชัย หรือไอซ์ อายุ 26 ปี
ต่อมา เวลา 09.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และพล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. ได้เดินทางมาที่ สน.พหลโยธิน เพื่อสอบสวนนายเฌอพัชญ์ และ น.ส.นานา 2 ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ดังกล่าว
พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น.กล่าวว่า คดีดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนและติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว 2 ราย คือ นายเฌอพัชญ์ และ น.ส.นานา พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นเงินสดจำนวน 1.9 ล้านบาท ที่เป็นส่วนแบ่งจากการกระทำความผิดได้

สอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 2 ให้การยอมรับสารภาพ อ้างว่า นายเฌอพัชญ์หรือหนาว จะทำหน้าที่เป็น Agent หรือตัวแทนหลอกซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่ผ่านกลุ่มต่าง ๆ เมื่อเจอเหยื่อจะทำทีพูดคุย หากตกลงกันจะแอดไลน์และหลอกซื้อขายกัน กรณีผู้เสียหายรายนี้ ได้หลอกลวงไปแล้ว 2 ครั้ง จำนวน 200,000 บาท และ 300,000 บาท เชื่อว่าเป็นการหลอกซื้อขายเพื่อให้ผู้เสียหายตายใจ ก่อนจะตกลงซื้อขายกันในราคา 3.4 ล้านบาท ที่ห้างย่านลาดพร้าว เมื่อมาถึงก็ทำทีที่จะขอดูเงิน เมื่อพบว่ามีเงินอยู่จริง จะล่อลวงให้ผู้เสียหายไปที่รถและลงมือก่อเหตุ

สำหรับตัว น.ส.นานา นั้น มีพฤติการณ์ที่เห็นชัดจากภาพวงจรปิดว่า นั่งอยู่ภายในรถ Honda Civic สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ขก-1116 นครสวรรค์ และทำหน้าที่ไปตามให้ผู้เสียหายอีกรายที่ถือกระเป๋าเงินมาขึ้นรถ
ภายหลังก่อเหตุ กลุ่มผู้ก่อเหตุได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ไปส่งที่บ้านเช่าย่านประชานิเวศน์ 3 ก่อนจะแบ่งส่วนแบ่งและมอบเงินค่ารถให้ทั้งสองคนหลบหนีไปเช่ารีสอร์ทอยู่ที่ย่านลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เพื่อแยกย้ายและหลบหนีการจับกุม
อย่างไรก็ตาม จากของกลางที่ตรวจยึดได้จากผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ยังไม่พบอาวุธปืนแต่อย่างใด ประเด็นเรื่องอาวุธปืนเป็นเพียงคำให้การของผู้เสียหายที่บอกว่า เห็นกลุ่มผู้ต้องหาทำท่าชักและขู่ว่ามีอาวุธปืน แต่ไม่เห็นอาวุธปืนจริงๆ แต่อย่างใด
นอกจากนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายให้การซัดทอดไปยังผู้ร่วมกระทำความผิดอีก 5 ราย รวมผู้ก่อเหตุจำนวนทั้งสิ้น 7 ราย โดยระบุว่าตัวการใหญ่คือนายปุ่น หรือเสือปุ่น ได้เงินส่วนแบ่งที่เหลือไปจำนวน 1.5 ล้านบาท ทั้งหมดรู้จักกันจากการเคยร่วมกระทำความผิดร่วมกัน รวมทั้งเคยเสพยาเสพติดและเช่าพักอาศัยอยู่ด้วยกัน ขณะนี้ตำรวจอยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุเคยกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันมาก่อนหน้านี้หรือไม่ คาดว่าในช่วงบ่ายวันนี้ จะสามารถเร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐานและขออำนาจศาลเพื่อออกหมายจับผู้กระทำความผิดที่เหลืออีก 5 รายได้ในข้อหาเดียวกัน ส่วนรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุนั้นพบว่ามี 2 คัน คาดว่าน่าจะขับหลบหนีไปทั้งคู่และคนที่ขับรถก็น่าจะอยู่ในกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง 7 รายนี้
เบื้องต้นพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจำนวน 5 รายที่อยู่ระหว่างการติดตามตัวนั้น เคยมีประวัติถูกดำเนินคดีทั้งลักทรัพย์ ปล้นทรัพย์และยาเสพติด ส่วนนายเฌอพัชญ์หรือหนาว และ น.ส.นานา พบว่าก่อนหน้านี้เพิ่งถูกออกหมายจับในท้องที่ สน.โคกคราม ข้อหา
ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน และ ร่วมกันมีอาวุธปืน มาก่อน
ต่อมา เวลา 10.55 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ได้คุมนายเฌอพัชญ์ หรือหนาว และ น.ส.นานา 2 มาชี้ของกลาง ระหว่างทางผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามผู้ต้องหาทั้งสองว่า แรงจูงใจในการก่อเหตุเพื่ออะไร มีการใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุหรือไม่ และนำเงินไปทำอะไร แต่ผู้ต้องหาทั้งสองไม่ตอบคำถามใดๆ ผู้สื่อข่าว พบว่ามีบางจังหวะที่ผู้ต้องหาส่ายหัวกับคำถามของผู้สื่อข่าว มีสีหน้าที่เรียบเฉย ก่อนจะถูกนำตัวเข้าห้องประชุม

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองกลับเข้าห้องสืบสวน ถึงระหว่างทางผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามผู้ต้องหาทั้งสองอีกครั้ง น.ส.นานา ยอมปริปากอ้างว่า กลุ่มผู้เสียหายนำเงินดังกล่าวมาฟอกเงิน เนื่องจากผู้เสียหายเปิดบ่อนพนัน โดยมีเพื่อนของตนที่สนิทกับคนชื่อเต้ บอกมาอีกที
ส่วนการก่อเหตุครั้งนี้ ถูกนายหนาวเป็นคนชักชวนให้ตนมาก่อเหตุ ยืนยันว่าการซื้อ 2 ครั้งก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นการล่อซื้อและนี่เป็นครั้งแรกที่พวกตนก่อเหตุ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถาม น.ส.นานา ว่า ได้มีการวางแผนมาหรือไม่ น.ส.นานา ถามกลับว่า “วางแผนอะไรคะ” ก่อนที่จะเงียบไป
ขณะที่นายหนาวอ้างว่า ตนไม่ได้ชวนใคร แต่เงินที่ตนเอามานั้นเป็นเงินมาจากการฟอกเงิน เป็นเงินที่รับมาจากพวกสีเทาอีกที
ช่วยกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสล่าอีก 5 คนที่เหลือมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุดค่ะ


