ล่ามชาวไทยผวา ถูกคนอ้างเป็นตำรวจ อุ้มเรียกค่าไถ่กับเพื่อนชาวจีน

บิ๊กโจ๊ก เผย แก๊งตำรวจอุ้มชายชาวจีนพร้อมล่ามคนไทยเรียกค่าไถ่ พบเป็นตำรวจ สตม. 4 นาย สั่งเร่งขยายผล

จากกรณีมีกลุ่มบุคคลแต่งกายคล้ายตำรวจ อุ้มชาวจีนพร้อมล่ามแปลภาษาชาวไทย ไปขู่บังคับรีดไถทรัพย์เป็นเงินสกุลดิจิทัลจำนวน 30,000 USDT หรือประมาณ 1,022,400 บาท ภายในบ้านพักย่านซอยประชาสงเคราะห์ 2 แขวงดินแดง เขตดินแดง เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ก่อนที่ล่ามชาวไทยจะเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง เมื่อช่วงเย็นวานนี้(20 มี.ค. 66) จนมีรายงานข่าวว่าชุดสืบสวนภายใต้การสั่งการของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สามารถนำตัวผู้ต้องสงสัยไม่น้อยกว่า 4 ราย ซึ่งหนึ่งในบรรดาผู้ก่อเหตุ เป็นตำรวจระดับสารวัตรสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มาสอบปากคำที่ สน.ดินแดง เมื่อช่วงตีสองที่ผ่านมา

โดยวันนี้ (21 มี.ค. 66) ที่ สน.ดินแดง บรรยากาศช่วงเช้าที่ผ่านมา ยังคงไร้วี่แววของการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ด้านพนักงานสอบสวนได้นำเอกสารข้อมูลไปขึ้นรถแล้วขับออกไปจาก สน.ดินแดง เพื่อไปขออนุมัติหมายจับผู้กระทำความผิด โดย พ.ต.อ.นราวุฒิ รักษาวงศ์ ผกก.สน.ดินแดง ยังคงปฏิเสธให้ข้อมูลใดๆ กับสื่อมวลชน

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เผยว่า จากแนวทางสืบสวนพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีทั้งข้าราชการตำรวจและพลเรือนร่วมอยู่ด้วย เป็นนายตำรวจสังกัด สตม. ชั้นสัญญาบัตร 3 นาย และชั้นประทวน 1 นาย ขณะนี้อยู่ระหว่างขอหมายจับกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง 4 ราย หลังได้รวบรวมพยานหลักฐานตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เบื้องต้นเข้าข่ายความผิดในข้อหาร่วมกันกักขังและหน่วงเหนี่ยว ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157

ทั้งนี้ รอง ผบ.ตร. บอกด้วยว่า เบื้องต้นได้นำตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 3 รายมาสอบปากคำแล้ว ส่วนอีก 1 รายหลบหนี และตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยอาจมีคนชี้เป้าอีกคนเป็นคนไทย

สำหรับเรื่องนี้ น.ส.นามี แซ่ลี อายุ 38 ปี อาชีพล่ามแปลภาษาจีน ผู้เสียหาย ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.นราวุฒิ รักษาวงศ์ ผกก.สน.ดินแดง เพื่อแจ้งความว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนได้รับการติดต่อจาก นายตี้หลุง (นามสมมุติ) อายุ 62 ปี ชาวจีน ให้เดินทางมาพบที่บ้านพักของนายตี้หลุง ในซอยประชาสงเคราะห์ 2 แขวงและเขตดินแดง กทม. โดยนายตี้หลุงอ้างว่า จะให้เดินทางไปเป็นเพื่อนเพื่อทำธุรกรรมด้านการต่ออายุหนังสือเดินทางและวีซ่า ที่ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ พอตนเดินทางมาถึงตามนัดหมาย ปรากฏว่ามีเพื่อนชายชาวจีนของนายตี้หลุง ซึ่งตนไม่ทราบชื่อและนามสกุล ขับรถเก๋งไม่ทราบยี่ห้อรุ่น มารับพาตนและนายตี้หลุงไปยังที่หมาย เมื่อเดินทางไปถึงปรากฏว่าไม่สามารถดำเนินธุรกรรมได้ เนื่องจากเอกสารของนายตี้หลุงไม่ปกติ ซึ่งตอนนั้นตนเริ่มเอะใจแล้ว จึงตัดสินใจว่าจะเดินทางกลับมาตั้งหลักกันก่อน โดยมีเพื่อนนายตี้หลุงขับรถเก๋งมาส่งที่บ้านพักของนายตี้หลุง เช่นเดิม

แต่เมื่อเดินทางมาถึงซอยประชาสงเคราะห์ 2 ระหว่างเดินลงจากรถเข้าบ้าน ปรากฏมีกลุ่มชายฉกรรจ์แต่งกายคล้ายตำรวจ มารออยู่แล้ว จำนวน 5 คน ทั้งหมดโดยสารยานพาหนะรถเก๋งมาด้วยกัน 3 คัน จากนั้นนายตี้หลุงและตนก็ถูกอุ้มขึ้นรถไปคนละคัน โดยมีเพื่อนของนายตี้หลุง ขับตามประกบเป็นขบวนออกจากซอยบ้านพัก ทั้งสิ้นรวม 4 คัน ระหว่างที่อยู่บนรถนั้น ตนถูกชายที่อ้างว่าเป็นตำรวจสอบถามถึงที่มาที่ไปว่ารู้จักกับนายตี้หลุงได้อย่างไร ตนก็ตอบไปตามตรงว่ารู้จักกันมาได้ ราว 1 ปี ในฐานะล่ามแปลภาษา จากนั้นชายฉกรรจ์ทั้งหมดก็พาตนและนายตี้หลุง ขับรถไปวนบนถนนเส้นแจ้งวัฒนะ ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ก่อนที่ทั้งหมดจะขับรถพาตนและนายตี้หลุง มาปล่อยทิ้งไว้ที่ซอยประชาสงเคราะห์ 2 ในช่วงใกล้ค่ำ

หลังจากนั้น นายตี้หลุง ก็มาเล่าเหตุการณ์บนรถให้ฟัง และยอมรับกับตนว่า มาอยู่ในประเทศไทย โดยมีเพื่อนชายชาวจีนคนดังกล่าว แนะนำช่องทางให้สวมบัตรประชาชนคนไทย จึงเป็นที่มาของการถูกอุ้ม โดยระหว่างที่ถูกควบคุมตัวอยู่บนรถคนละคัน ชายฉกรรจ์ที่อ้างตัวเป็นตำรวจ ข่มขู่ว่านายตี้หลุง จะต้องได้รับโทษฐานปลอมแปลงบัตรประชาชน จึงขอเรียกค่าไถ่เป็นเงินคริปโต จำนวน 60,000 USDT เพื่อแลกกับการปล่อยตัวเป็นอิสรภาพ แต่ นายตี้หลุงขอต่อรองครึ่งหนึ่ง เหลือ 30,000 USDT ซึ่งคนร้ายก็ตอบตกลง นายตี้หลุงจึงประสานให้ทางลูกชายโอนเงินให้ผ่านแอปพลิเคชัน imtoken ไปที่บัญชีปลายทางซึ่งก็ไม่รู้เป็นของผู้ใด เมื่อกลุ่มคนร้ายตรวจสอบยอดเงินเข้าบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงยอมปล่อยตัวตนและนายตี้หลุง ด้วยการขับรถมาส่งที่บ้านของนายตีหลุงดังกล่าว

น.ส.นามี บอกอีกว่า หลังจากนั้นตนก็ไม่สามารถติดต่อนายตี้หลุงได้อีก มารู้ข้อมูลอีกทีคือ เจ้าตัวได้เดินทางออกจากราชอาณาจักรไทย กลับไปอยู่กับลูกชายที่ประเทศจีนแล้ว ตอนนี้ตนจึงรู้สึกหวาดกลัวและเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากเชื่อว่าคนร้ายทำผิดแบบเป็นกระบวนการ และไม่แน่ใจว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นด้วยหรือไม่ จึงรวบรวมสติและปรึกษากับคนใกล้ชิด ก่อนตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ทั้งนี้ หลังรับแจ้งความ ชุดคลี่คลายคดี ได้ทำการเช็กประวัตินายตี้หลุงแล้วพบว่า เจ้าตัวมีบัตรประชาชนคนไทย ชื่อ นายสาโรจน์ ทองค้าไม้ อายุ 55 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ เอาไว้ในความครอบครองและเคยใช้บัตรประชาชนดังกล่าวทำธุรกรรมในประเทศไทย ซึ่งจะต้องตรวจให้ลึกถึงรายละเอียดว่า เจ้าของบัตรยังมีชีวิตหรือไม่ และบัตรประชาชนมาอยู่ในมือบุคคลต่างด้าวได้อย่างไร นอกจากนี้เมื่อลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกจุดเกิดเหตุ ก็พบภาพรถต้องสงสัย 4 คัน และ ชายฉกรรจ์คนร้ายรวม 6 คน ก่อเหตุอุ้ม น.ส.นามี และ นายตี้หลุง ขึ้นรถไปจริงตามคำให้การ

คลิปอีจันแนะนำ
รัก…มรณะ เอส อดีตทหาร ฆ่า น้องพลอย