พระ อดีตผู้ถูกบำบัด เปิดใจ การบำบัด ได้ผล บวชก็ไม่ต้องจ่าย 20,000 !

พระ อดีตผู้ถูกบำบัด ยืนยัน การบำบัด ได้ผล บวชได้ ไม่ต้องจ่าย 20,000 บาท หากทำตัวดี ใครทำผิดกฎ ต้องถูกลงโทษ แต่ไม่มีทำร้ายร่างกาย แน่นอน

จากกรณีการนำเสนอข่าว การช่วยเหลือผู้เข้ารับการ บำบัดยาเสพติด ที่ศูนย์บำบัดวัดท่าพุราษฏร์บำรุง อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี จำนวนเกือบ 300 คนออกมาจากศูนย์บำบัด เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองของผู้เข้ารับการบำบัดว่า ทางศูนย์มีการกักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกาย อีกทั้งยังกักขังผู้เข้ารับการบำบัดจำนวน 200 กว่าคนเอาไว้ในเรือนนอนชั้นเดียวที่มีความแออัด จนทำให้ผู้บำบัดเกือบทั้งหมดป่วยเป็นโรคผิวหนัง

ผปค.แห่รับลูกหลาน ออกจากศูนย์บำบัดยาเสพติด หลังถูกเเฉเละเทะ

หลังจากเกิดกระแสข่าวดังกล่าว นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีคำสั่งให้เคลื่อนย้ายผู้บำบัดทั้งหมด ไปอยู่ที่ โรงพยาบาลสนามภายในค่ายฝึกนักศึกษาวิชาทหารเขาชนไก่ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี หลังจากนั้น ได้มีบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองของผู้เข้ารับการบำบัด เดินทางมา รับผู้บำบัดกลับไปดูแลที่บ้านเป็นจำนวนมาก จนทำให้มีผู้บำบัด เหลือตกค้างอยู่ที่โรงพยาบาลสนามประมาณ 50 คนเท่านั้น ขณะเดียวกัน ก็มีกระแสข่าวว่า มีกลุ่มผู้บำบัดที่บวชเป็นพระสงฆ์ จำนวนประมาณ 10 รูป ได้ขอกลับออกจากโรงพยาบาลสนามเพื่อกลับมาอยู่ที่วัดท่าพุราษฏร์บำรุง

ผู้บำบัดยาเสพติด 70% กลับบ้านแล้ว พ่อแม่แห่รับลูกหลาน หนีนรกบนดิน

ล่าสุด วันนี้ (23 ก.ย.64) ทางผู้สื่อข่าว ได้เดินทางลงพื้นที่ วัดท่าพุราษฏร์บำรุง และได้พบกับ น.ส.วรรณเพ็ญ พิมพ์แจ่มจรัส แพทย์ประจำ ต.ด่านมะขามเตี้ย และเป็นโยมอุปถัมภ์ของทางวัดท่าพุราษฏร์บำรุง เปิดเผยว่า พระสงฆ์ที่กลับมาจากโรงพยาบาลสนามจำนวน 10 รูปนั้นได้เดินทางมาเคารพกับศพหลวงพ่อที่มรณภาพไป ก่อนที่ทางครอบครัวของพระสงฆ์จะเดินทางมารับพระเกือบทั้งหมดกลับไปอยู่ที่บ้าน คงเหลือพระสงฆ์ที่กลับมาจากโรงพยาบาลสนามและยังอยู่ที่วัดท่าพุราษฏร์บำรุงอีกเพียง 1 รูปเท่านั้น

ข่าวที่เกิดขึ้น อยากให้ผู้ที่ติดตามข่าว รับฟังข้อมูลจากทั้งสองด้าน และอยากให้คิดว่า การที่วัดเปิดเป็นศูนย์บำบัดยาเสพติดนี้ ทางวัดไม่ได้มีผลประโยชน์ใดมากมาย การเรียกเก็บเงินผู้เข้ารับการบำบัดก็เพียงรายละ 12,000 บาทต่อปี ไม่ได้มีงบประมาณเป็นล้านเหมือนอย่างที่ใครคิด

ซึ่งหลวงพ่อ ที่มรณภาพไปแล้ว เป็นผู้ที่ริเริ่มการจัดตั้งศูนย์บำบัดนี้ขึ้นมาเพื่อต้องการที่จะช่วยเหลือผู้ติดยาเสพติดรวมถึงครอบครัวของผู้ติดยาเสพติด ให้ผู้ติดยาเสพติดผ่านการบำบัดและเลิกยาได้ กลายเป็นคนดีกลับคืนสู่สังคมเท่านั้น ไม่ได้คิดหวังผลประโยชน์ใด

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าว ยังได้เดินทางไปพูดคุยกับ พระสงฆ์รูปหนึ่ง อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นอดีตผู้เข้ารับการบำบัดกับทาง ศูนย์บำบัดวัดท่าพุราษฏร์บำรุง มานานถึง 5 ปี โดยพระสงฆ์รูปนี้ เผยว่า ตนเดินทางมาเข้ารับการบำบัดที่ ศูนย์บำบัดแห่งนี้ เมื่อ 5 ปีก่อน โดยในขณะนั้นมีผู้เข้ารับการบำบัดอยู่ไม่ถึง 100 คน ซึ่งตนก็ใช้ชีวิตเป็นผู้บำบัดอยู่ที่นี่ ประมาณ 3 ปี ก่อนจะตัดสินใจอุปสมบทเป็นพระสงฆ์ ซึ่งตนก็ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายให้กับทางวัดจำนวน 20,000 บาท เหมือนอย่างที่มีการนำเสนอข่าวออกไป เนื่องจากตนประพฤติปฏิบัติตัวดีและช่วยงานทางวัดอย่างสม่ำเสมอ จึงไม่ต้องเสียเงิน 20,000 ดังกล่าว

ส่วนคำกล่าวอ้างเรื่องที่มีการทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว ผู้เข้ารับการบำบัดนั้น โดยส่วนตัว ตนมองว่าเป็นเรื่องของการทำโทษผู้บำบัดที่ทำผิดกฎระเบียบของทางวัด เป็นเหมือนครูที่ทำโทษนักเรียนไม่ใช่การทำร้ายร่างกายหรือทารุณกรรมอย่างที่เป็นข่าว

ส่วนเรื่อง การเรียกเก็บเงินค่านำตัวผู้บำบัดเข้าศูนย์จำนวนหลายหมื่นบาท ตนเชื่อว่าเป็นการเรียกเก็บโดยผู้นำพามากกว่า เพราะทางวัดมีการเรียกเก็บ เงินจากครอบครัวของผู้นำตัวผู้บำบัดเข้าศูนย์เพียงแค่ 12,000 บาทเท่านั้น

คลิปอีจันแนะนำ
เปิดหมดใจ! อดีตผู้บำบัดยาเสพติด ในวัดดังแห่งหนึ่ง