จับแก๊งขนยาข้ามโขง ยึดไอซ์เกือบ 1.5 ตัน มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท

ล๊อตใหญ่สุดที่หนองคาย! จับแก๊งขนยาข้ามโขง เครือข่ายค้ายา สปป.ลาว ยืดยาไอซ์เกือบ 1.5 ตัน มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท ไม่ยอมรับข้อกล่าวหา อ้างไม่รู้สิ่งที่ขนคืออะไร

ทหาร ตำรวจ ปกครอง บุกจับยาไอซ์ล็อตใหญ่ที่สุดในพื้นที่จังหวัดหนองคาย

วานนี้ (10 พ.ค. 67) ที่ กองร้อยเฉพาะกิจทหารพราน 2110 (ฉก.ทพ.21) ต.บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2 ,พล.ต.นรธิป โพยนอก ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี ,นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ,นายประทีป อุ่ยเจริญ ปลัดจังหวัดหนองคาย ,พ.ต.อ.จามร อันดี รอง ผบก.ภ.จว.หนองคาย ,นายสมควร ใจซื่อ นายอำเภอสังคม พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร ตชด. ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายค้ายาเสพติด 4 ราย

ประกอบด้วย นายสราวุธ อายุ 39 ปี ,นายประโท อายุ 48 ปี ,นายนิยม อายุ 54 ปี และนายประสิทธิ์ อายุ 53 ปี พร้อมของกลางยาไอซ์ 29 กล่อง จำนวน 198 ก้อน น้ำหนัก 1,420 กิโลกรัม และรถยนต์กระบะป้ายทะเบียนต่างประเทศ จำนวน 1 คัน

โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านภูเขาทอง ต.บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย และกระท่อมในสวนยางบ้านโนนสว่าง ต.บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 67 ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นการจับกุมยาไอซ์ที่มากที่สุดที่เคยมีการจับได้ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย มูลค่าเบื้องต้นประมาณ 500 ล้านบาท แต่เมื่อส่งไปถึงต่างประเทศมูลค่าจะเพิ่มขึ้นถึง 2,500 ล้านบาท

การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 67 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการข่าว ร้อย ตชด.244 จ.บึงกาฬ ได้จับกุมตัวผู้ต้องหาชาย 1 ราย พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 5,330 เม็ด อาวุธปืน 1 กระบอก และรถยนต์ 1 คน ผู้ต้องหาได้ให้กลุ่มเครือข่ายยาเสพติดฝั่ง สปป.ลาว และข้อมูลการติดต่อแก่เจ้าหน้าที่เพื่อขยายผลการจับกุม จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ให้สายลับติดต่อแฝงตัวเข้ากลุ่มเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว และได้มีการติดต่อกับสายลับ 2–3 ครั้ง

จนกระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 67 สายลับแจ้งว่าได้รับการติดต่อจากชายชาว สปป.ลาว ให้สายลับไปขนลำเลียงยาเสพติด จำนวน 20 กล่อง ที่ จ.หนองคาย โดยให้ใช้รถหกล้อในการขนลำเลียง จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นได้ประสานหน่วยความมั่นคงในพื้นที่และร่วมกันวางแผนเข้าทำการตรวจสอบจับกุม ที่ ร้อย ตชด.245 จ.หนองคาย

ต่อมาเวลา 21.00 น. วันเดียวกัน ชายชาว สปป.ลาว ได้ติดต่อให้สายลับเดินทางไปขนยาเสพติดที่บ้านภูเขาทอง ต.บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย เมื่อถึงจะมีรถยนต์นำทางเข้าจุดนัดพบ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้อำพรางตัวบนรถหกล้อเพื่อเข้าตรวจสอบจับกุม

ต่อมาเวลา 22.30 น. เจ้าหน้าที่ได้เดินทางมาถึงจุดนัดพบ ได้มีชาย จำนวน 4 คน ยกกล่องต้องสงสัยสีน้ำตาลเดินมาถึงบริเวณหลังรถหกล้อ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตนเข้าตรวจสอบ ขณะเดียวกันชายทั้ง 4 คนได้วิ่งหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวในที่เกิดเหตุไว้ได้ 3 ราย คือ นายสราวุธ ,นายประโท ,และนายนิยม ส่วนอีก 1 ราย วิ่งขึ้นรถยนต์กระบะหลบหนีไป แต่สุดท้ายก็หนีไม่รอดเจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุมได้ในเวลาต่อมา

จากการตรวจสอบกล่องที่ผู้ต้องสงสัยจะยกขึ้นรถหกล้อ พบกล่องจำนวน 20 กล่อง ภายในมียาไอซ์ซุกซ่อนในแท่งพลาสติกสีดำ 128 แท่ง น้ำหนักประมาณ 936 กิโลกรัม จากนั้นได้มีการขยายผลการตรวจยึดได้อีก ที่ กระท่อมในสวนยางบ้านโนนสว่าง ต.บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย อีกจำนวน 9 กล่อง ยาไอซ์ 70 แท่ง น้ำหนักรวมประมาณ 484 กิโลกรัม รวมของกลางที่ตรวจยึดได้ทั้ง 2 จุด จำนวน 29 กล่อง 198 แท่ง น้ำหนักรวมประมาณ 1,420 กิโลกรัม

เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันนำเข้ายาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) เข้ามาในราชอาณาจักร มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำหน่าย หมายความรวมถึงมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป”

จากการสอบถามเบื้องต้นนายประสิทธิ์ หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ให้การว่าเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 67 ตนได้รับการว่าจ้างจากนายล้าน ชายชาวลาวให้ตนไปรับกล่องสีน้ำตาลที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณบ้านภูเขาทอง ต.บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย ตนจึงได้ติดต่อผู้ต้องหาอีก 3 คนให้มาช่วยยกกล่องขึ้นรถ โดยตนได้ขับรถไปยังจุดนัดหมาย

ต่อมาได้มีเรือจำนวน 2 ลำ แล่นมาจากฝั่ง สปป.ลาว นำกล่องมาส่งให้ จำนวน 20 กล่อง ซึ่งกล่องทั้งหมดจะนำไปเก็บไว้ที่บ้านของนายสราวุธ หนึ่งในผู้ต้องหาเพื่อรอคนมารับต่อไปโดยตนจะได้ค่าจ้างเป็นเงิน 2 แสนบาท เมื่อมีคนมารับของไปแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกรับจ้างขนเมื่อวันที่ 4 พ.ค. 67 จำนวน 9 กล่อง แล้วนำไปเก็บไว้ในกระท่อมในสวนยาง (จุดที่มีการขยายผลการตรวจยึด) ตนไม่ทราบว่าข้างในกล่องเป็นยาเสพติด จึงไม่ขอรับสารภาพข้อกล่าวหาฯ

ภายหลังการจับกุมเจ้าหน้าที่ได้มีการขยายผลในการยึดทรัพย์ เบื้องต้นได้ทรัพย์สินมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท ซึ่งจะได้ทำการขยายผลการยึดทรัพย์ต่อไป และได้นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พนักงานสอบสวน สภ.นางิ้ว เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป