รทสช.–พปชร. เละเป็นโจ๊ก! โดนระเบิดวันที่ไม่มี “ลุงตู่” ดูแล

เละตุ้มเป๊ะ! ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และพลังประชารัฐ วันที่ “ลุงตู่” ไม่อยู่ ส่วน “ลุงป้อม” เสื่อมมนต์ขลัง ทั้งสองพรรคคงไปต่อยาก

ตีลังกาเล่าข่าว โดย กรรณะ

หันไปมองปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และพลังประชารัฐ วันที่ “ลุงตู่” ไม่อยู่ ส่วน “ลุงป้อม” เสื่อมมนต์ขลัง  แม้จะคาดการณ์ได้ว่าทั้งสองพรรคคงไปต่อยาก แต่ที่เกินคาดคือความเละตุ้มเป๊ะที่เกิดขึ้น

เริ่มที่พลังประชารัฐ ก่อนหน้านี้ก็เละอยู่แล้ว และคาดว่าจบสมัยสภานี้พรรคนี้ก็น่าจะสูญสลายไป เพราะกลุ่มหลักอย่างกลุ่มของ “รอ.ธรรมนัส  พรหมเผ่า” ตีจากไปตั้ง “พรรคกล้าธรรม”

ส่วน “ลุงป้อม” ก็หยวนๆ กันไปยอมให้จากกันแต่โดยดี เพราะอยู่ไปก็ไม่มีใจ ที่สุดพวกเขาจึงย้ายไปตั้งพรรคใหม่ และทิ้ง “พรรคเดิม” ไว้ให้ “ลุงป้อม” กับสมุนคู่ใจเฝ้าพรรค รอวันที่พรรคจะหมดสภาพลงไปเอง

แต่ก็ใช่ว่าจะไปแบบเฉยๆ เมื่อสถานการณ์เรียกร้อง “เพื่อไทย”  อยากได้เสียง สส. เพิ่ม  ลูกน้องเก่าของ “นาย”  อย่าง “ผู้กองธรรมนัส” ก็จัดให้ พยายามสอย ตอดตีท้ายครัวเพื่อเติมเสียงให้กับรัฐบาล ซึ่งก็ได้มาประปราย

และคาดว่าเวลาผ่านไปจะเติมมาอีกเรื่อยๆ เพราะวันนี้ “พลังประชารัฐ” เป็นฝ่ายค้านเต็มตัว อดอยากปากแห้ง  ถ้าจะใช้ภาษานักการเมืองก็ต้องบอกว่า “ช่วยชาวบ้านได้ไม่เต็มที่”

แต่“ภูมิใจไทย” ก็เปิดปฏิบัติการสายฟ้าแล่บ  คว้าก๊วน “เพชรบูรณ์” ของ “สันติ พร้อมพัฒน์”  ออกมาจากพลังประชารัฐ เอามาแบบยกก๊วน 7 คนกันทีเดียว ชนิดที่ใครๆก็อ้าปากหวอ โดย เป็น สส. ในกลุ่ม 6 คน และหากรวม “สันติ” ก็เป็น 7 คน

เพราะก่อนหน้านี้ “กล้าธรรม”  ดูด สส. มาเติมให้พรรคตัวเอง เพื่อให้ “เพื่อไทย” ใช้ต่อรองได้ก็สองสามคน แต่กลายเป็นว่า “ภูมิใจไทย”  ใช้หลักทำก่อนพูด คว้าเสียงมาเติมพรวดเดียว 6 คน  กลายเป็นเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับตัวเอง วันที่มีกระแสข่าวว่าถูกกดดันให้พ้น “มหาดไทย”

เรื่องนี้ถูกเปิดแบบไม่มีใครรู้ใครเห็น เพราะอยู่ๆ “มท.หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล เซ็นตั้ง “จิตรา หมีทอง” ทีมงานของ “สันติ” เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกฯ  ก่อนที่ช่วงค่ำจะมีการเปิดภาพ  วงอาหารที่มี “สันติ” ร่วมกับ “นายกดอยซ์” อัครเดช ทองใจสด  นายก อบจ. เพชรบูรณ์ ลูกชายของ “เอี่ยม ทองใจสด” สส.เพชรบูรณ์ 10 สมัย และเป็น สส. ตั้งแต่ปี 2529 หรือเมื่อเกือบ 40 ปีมาแล้ว ส่วนภูมิใจไทย มีภาพของ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” แต่ที่ฮือฮาที่สุดคือภาพของ “เนวิน ชิดชอบ”  ผู้ที่ประกาศตัวว่าเลิกเล่นการเมือง แต่ถูกขนานนามว่าเป็น “ครูใหญ่ภูมิใจไทย”

ทำให้จำนวน สส. พลังประชารัฐ หลังจากที่กลุ่ม “กล้าธรรม” ออกไป  และมี “งูเห่า” รวมถึงเคสล่าสุด พรรคที่เคยใหญ่แห่งนี้ก็ใกล้คำว่า “ต่ำสิบ”  เข้าไปเรื่อยๆ

หันกลับมาที่ “รวมไทยสร้างชาติ”  ซึ่งเคยมี “ลุงตู่ – ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นแคนดิเดตนายกฯ  หลังจากพ่ายการเลือกตั้งแบบยับเยิน  “ลุงตู่” ก็วางมือ และทิ้งพรรคไว้ให้ “พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค” และ “เอกณัฏ พร้อมพันธ์” ดูแล

แต่ก็ชัดเจนว่าพรรคนี้มีไว้เพื่ออะไร และ สส. ที่มารวมตัวก็มีภารกิจพิเศษอะไร เมื่อ “ตัวจริง” ไม่อยู่ การรวมตัวก็ไม่อบอุ่นเหมือนเมื่อก่อน 

คนที่อยู่ไม่ว่าจะเป็น “เสี่ยงเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น หรือ “ดร.แด๊กซ์”  ธนกร วังบุญคงชนะ  ก็ล้วนแล้วแต่มารวมกันเพราะ “ลุงตู่”  ไม่ใช่เพราะอยากได้หัวหน้าพรรคที่ชื่อ “พีระพันธุ์” หรือ เลขาฯ พรรคที่ชื่อ “เอกณัฏ”

แถมด้วยบุคลิกของ “หัวหน้าพีระพันธ์”  ก็ไม่ใช่บุคลิกที่จะมัดใจนักการเมืองไว้ได้  ก็ไม่แปลกที่ความขัดแย้งจะบานปลาย แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าจะร้าวเละแบบไม่รอสภาหมดสมัยขนาดนี้

นั่นก็เพราะเอาเข้าจริงพวกเขาเหมือนปลาคนละน้ำกันอยู่แล้ว  เรื่องอะไรจะต้องเสียโควตารัฐมนตรีให้คนที่ไม่รักกัน ดังนั้นการแยกตัวออกมาในวันที่เหลือเวลารัฐบาลอีกสองปี น่าที่จะดีกว่า  แล้วสมัยหน้าค่อยเติบโตภายใต้พรรคใหม่กันอย่างจริงจัง

จึงเห็นปรากฏการณ์ “กบฏ”  รวมไทยสร้างชาติ เมื่อ “เสี่ยเฮ้ง”  นัดรวมพลคนเห็นด้วยกินข้าวแสดงพลัง และมีข่าวว่าพวกเขาจะตั้งพรรคในชื่อ “พรรคโอกาสใหม่”

แต่ฝั่ง “พีระพันธ์ – เอกณัฏ” ก็เคี่ยวไม่ใช่เล่น ด้วยการเปลี่ยนข้อบังคับพรรคให้ใครก็ตามที่เอาใจออกห่างพรรคต้องพ้นสมาชิกภาพพรรค ซึ่งก็หมายถึงพ้นความเป็น สส. 

นี่เองที่ทำให้เหมือนเป็นฟางเส้นสุดท้าย  เพราะ “กลุ่มคนอยากไป”  ก็อ้างถึงกรณี “พลังประชารัฐ” ที่ “บิ๊กป้อม”  ยอมปล่อยกลุ่ม “ผู้กองธรรมนัส” ออกไปแบบดีๆ แล้วทำไมที่นี่ถึงไม่เหมือนกัน และคล้ายจับขังเอาไว้

จึงทำหนังสือถึงนายกฯ ขอให้ปรับ ครม. และตามมาด้วยการลงชื่อ สส. กว่ายี่สิบคน

แน่นอน “เลขาฯขิง” อยู่นิ่งไม่ได้ออกมาอัดเดือดว่าอีกฝั่งก่อกบฏ ทำไมไม่มาคุยถึงปัญหากันดีๆ

ด้าน “สุชาติ” ก็ทิ้งบอมบ์บอกในทำนองว่า “ทีมสุดซอย” ของ “เลขาฯขิง” ไม่ได้สะอาด มือนึงตรวจสอบหนัก แต่อีกมือก็อาจจะ “เก็บ” และยุว่า จริงๆ “เลขาฯขิง” กำลังเลื่อยขาหัวหน้า “พีระพันธุ์”

ร้อนถึง “ทีมสุดซอย” เมื่อโดนโยนระเบิดแบบนี้บ้าง ก็ปฏิเสธและแฉกลับว่าใครกันแน่ที่ชวนล้ม “หัวหน้าพีระพันธุ์” และประกาศลั่นตรวจสอบ “ทุนเทา ศูนย์เหรียญ”  ในภาคตะวันออก แบบไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร

ไม่รู้ว่าใครพูดจริงพูดเท็จ แต่นาทีนี้ชาวบ้านกลับยุส่งให้แข่งกันแฉ  ว่าถ้าเป็นจริงจะได้เห็นกันทั้งคู่ว่าสันหลังหวะกันขนาดไหน

พรรคนี้หากจะใช้คำว่า “เละเป็นโจ๊ก” อาจจะยังหยาบเกินไปด้วยซ้ำ ต้องเรียกว่า “โจ๊กโดนระเบิด” ถึงจะเห็นความแตกยับแบบละเอียดขนาดนี้