นี่เหรอคนเป็นครู! ขอนแก่นเจออีก 3 ครู สวมสิทธิ์ ชาวบ้านร่วมโครงการรัฐ

ขอนแก่นเร่งตรวจสอบปม สวมสิทธิ์ ชาวบ้านร่วมโครงการรัฐ เจออีก 3 ครู มีเอี่ยวขบวนการ

ขอนแก่นเจออีก! ครูหลอกขาวบ้าน สวมสิทธิ์ โครงการของรัฐ

วันนี้(9 ก.พ. 64) เวลา 09.00 น. ที่ศาลาประชาคม บ้านยางคำ ม.2 ต.ยางคำ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ชาวบ้านกว่า 500 คน รวมตัวกัน เพื่อลงชื่อและร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหนองเรือ จ.ขอนแก่น หลังถูกกลุ่มครูนำบัตรประชาชนไป สวมสิทธิ์ ใช้ใน โครงการคนละครึ่ง และ โครงการเราเที่ยวด้วย กันของรัฐบาล

นางชุมพร ส่วยลี อายุ 62 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่ถูก สวมสิทธิ์ กล่าวว่า ในช่วงเดือนตุลาคมและเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา มีครูคนหนึ่ง ทราบเพียงชื่อเล่นว่าครูอ้อ ทำงานในเทศบาลตำบลยางคำ และเป็นครูสอนที่ศูนย์ปฐมวัย บอกว่าถ้าถ่ายสำเนาบัตรประชาชนมาให้แล้วจะได้รับเงิน 200 บาท จึงได้รวบรวมเอาบัตรประชาชนของคนในครอบครัวไปมอบให้ครูอ้อ จากนั้นก็รับเงินมา โดยครูอ้อกำชับว่า รับเงินไปแล้วห้ามบอกใครเด็ดขาด ซึ่งตนก็ได้ถามว่าเงินนี้เป็นเงินอะไร แต่ครูอ้อไม่ตอบ จึงคิดว่าเงินที่ได้มามีค่ากับครอบครัวในการนำมาใช้จ่าย จึงไม่คิดอะไรต่อและรับเงินมา กระทั่งผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ประกาศแจ้งว่า ใครที่รับเงิน 200 บาท แล้วถูกถ่ายรูปเอาบัตรประชาชนไป ให้มาลงชื่อกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหนองเรือ จึงได้รู้ว่าตัวเองถูก สวมสิทธิ์ เพราะเป็นคนไม่มีโทรศัพท์มือถือ จึงไม่ทราบเรื่องการลงทะเบียนในโครงการต่างๆ ของรัฐบาล และเมื่อทราบว่าเป็นครูซึ่งเสมือนลูกหลานของชาวบ้าน ก็เสียใจ ไม่น่ามาทำแบบนี้ ไม่น่ามาหากินกับคนจน

ด้าน นายชัยพร อาจมนตรี อายุ 45 ปี กำนันตำบลยางคำ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์ชาวบ้านในพื้นที่ อ.บ้านฝาง ถูกครูนำเงินมาให้แล้วถ่ายเอาบัตรประชาชนไป สวมสิทธิ์ เข้าใช้ในโครงการของรัฐบาล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น จึงสั่งให้ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ตรวจสอบในพื้นที่ตัวเอง ว่ามีชาวบ้านถูก สวมสิทธิ์ หรือไม่ จึงทำการตรวจสอบ ปรากฏว่าในพื้นที่ตำบลยางคำซึ่งมีทั้งหมด 14 หมู่บ้าน มีชาวบ้านที่บ้านยางคำหมู่ที่ 1,2 และบ้านยางคำ หมู่ที่ 13,14 และบ้านหนองหว้า ม.3 ถูกครู 3 คน คือ ครูอ้อ ครูเดียว ครูพี้ มาชวนให้รับเงินคนละ 200 บาทแล้วถ่ายเอาสำเนาบัตรประชาชนไป สวมสิทธิ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนสูงอายุ รวมแล้ว 500 คน และเมื่อทราบรายละเอียด จึงรายงานไปยังนายอำเภอ กระทั่งมีการจัดเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอมารับคำร้องทุกข์จากชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว

ขณะที่ พ.ต.อ.ภพกร กวินโยธิน ผกก.สภ.หนองเรือ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวของครูทั้ง 3 คน เป็นการกระทำที่ผิดต่อโครงการของรัฐ และงบประมาณของรัฐ ฉะนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบข้อมูลและรายชื่อของชาวบ้านแล้ว ก็จะทำการสอบสวนตามรายชื่อที่ปรากฏ และชาวบ้านต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วยในการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่งเมื่อทำการสอบสวนเสร็จสิ้น ต้องรวบรวมข้อมูลทั้งหมดรายงานต่อผู้บังคับบัญชาภายในวันที่ 10 ก.พ.นี้

ขณะนี้ พบว่าพื้นที่อำเภอหนองเรือนั้น มีชาวบ้านถูกถ่ายเอาบัตรประชาชนไป สวมสิทธิ์ รวมแล้ว 657 ราย ถือว่ามีจำนวนมากกว่าอำเภอบ้านฝาง และมีความเชื่อได้ว่าคนที่ร่วมดำเนินการในครั้งนี้มีมากกว่า 2 คน ทั้งนี้ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบวนของตำรวจภูธรภาค 4 ดำเนินการสืบสวนหาคนที่ร่วมกระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และในวันที่ 10 ก.พ.นี้ จังหวัดขอนแก่นจะทำการสรุปภาพรวมทั้งหมดของคดีดังกล่าว รวบรวมข้อเท็จจริงให้ได้มากที่สุด เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหา รายงานไปที่กระทรวงการคลัง ให้สรุปผลทั้งหมด เพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป