เปิดประวัติ แม่ชีเก๊ โกงยันแม่ตัวเอง? ก่อนอ้าง เป็นอริยบุคคล

สุดแสบ เปิดประวัติ แม่ชีเก๊ โกงยันแม่ตัวเอง? แม่ตัวเองก็ไม่เว้น ก่อนอ้าง เป็นอริยบุคคล

จากกรณี แก๊งแม่ชีเก๊ หลอกเงินชาวบ้านให้ลงทุน “ผ้าป่าช่วยเหลือคนจน” สูญเงินกว่า 15 ล้านบาท

แก๊งแม่ชีเก๊ หลอกชาวบ้าน ลงกองทุนผ้าป่า สูญเงินกว่า 15 ล้านบาท

วันนี้ (29 เม.ย. 64) อีจัน เปิดไทม์ไลน์ ประวัติต้มตุ๋นของแม่ชีอู๋ สู่การรวมกลุ่มแม่ชีเก๊ หลอกชาวบ้าน โดยพี่สาว ของแม่ชีอู๋ เล่าว่า ครอบครัวมีพี่น้องร่วมกัน 4 คน ซึ่งแม่ชีอู๋เป็นลูกคนสุดท้อง และออกจากบ้านไปอยู่ต่างจังหวัดตั้งแต่เรียนมัธยม เขาเคยมีครอบครัว แต่เลิกกับสามีไปเมื่อหลาย 10 ปีแล้ว แต่ไม่มีลูก

จากนั้น แม่ชีอู๋ ก็ ห่มแดง คล้ายภิกษุณี แล้วกลับมาอยู่ที่บ้านกับครอบครัว ที่ ต.หนองญาติ จ.นครพนม เมื่อปี พ.ศ. 2559 โดยอ้างว่าจะมาดูแลแม่ วัย 85 ปี พร้อมทำอาชีพขายอาหารตามสั่ง ขายของชำ

ระหว่างที่ แม่ชีอู๋ อยู่ดูแลแม่ แม่ชีอู๋ ให้แม่เซ็นแต่งตั้งให้ตนเป็นผู้จัดการมรดก เพื่อจะไปดำเนินการแบ่งที่ดิน คือที่บ้าน 57 ตารางวา ให้กับพี่น้องรวม 4 คน ซึ่งแม่ก็เซ็นเอกสารแต่งให้แม่ชีอู๋ เป็นผู้จัดการมรดก

จากนั้น แม่ชีอู๋ ก็นำบ้าน ที่ดิน ไปขายฝากกับนายทุนเอกชนในราคา 5 ล้านบาท ก่อนเข้าวัดปฏิบัติธรรม ซึ่งครอบครัวไม่เคยรู้มาก่อนว่าบ้านพร้อมที่ดินตรงนี้ถูกขายไปแล้ว จนกระทั่งมีนายทุนมาแจ้งความขับไล่ที่ มีการต่อสู้คดีในชั้นศาลถึง 2 ศาล ซึ่งแพ้ทั้ง 2 ศาล แต่ตอนนี้อยู่ระหว่างชั้นฎีกา ไม่รู้อนาคตจะมีที่ซุกหัวนอนหรือไม่ หากโชคร้ายศาลฎีกาตัดสินให้แพ้คดี เธอกับแม่ก็ต้องกลายเป็นคนเร่ร่อน ไปขอพักอาศัยอยู่ตามบ้านญาติ ซึ่งก็ลำบากไม่แพ้กัน

เรื่องครอบครัวยังไม่ทันเคลียร์ แม่ชีอู๋ ก็ตั้งตนเป็นภิกษุณี อาศัยอยู่ภายในสำนักปฏิบัติธรรม วิปัสสนา พระพุทธสิกขี พร้อมรวมแก๊งแม่ชีเก๊ คือ

“นางดรุณี อายุ 45 ปี หรือแม่ชีทองพูน

นางสาวไพลิน อายุ 31 ปี หรือแม่ชีการ์ตูน

นางสาวมะลิวัลย์ อายุ 28 ปี หรือแม่ชีกาเต้

นางกิติยา อายุ 46 ปี เป็นฆราวาส”

ร่วมกันตั้งกองทุนชื่อ “ผ้าป่าช่วยเหลือคนยากจน” อ้างว่ามีการคืนกำไรตอบแทน มีทั้งกองทุนตอบแทนเป็นเงินสด กับกองทุนผ้าป่าตอบแทนเป็นทองคำ ซึ่งมีชาวบ้านหลงเชื้อเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก เพราะลุงทุนแรกๆ ก็ได้ผลตอบแทนตามที่บอกไว้ แต่พอมีผู้ลงทุนเพิ่มมากขึ้นๆ กลับไม่มีผลตอบแทนอย่างที่พูดไว้ จึงมีชาวบ้านผู้เสียหายบางคนเข้าแจ้งความ กับตำรวจ!

ต่อมาวันที่ 22 เมษายน 2564 ตำรวจ ได้จับกุม นางดรุณี อายุ 45 ปี หรือแม่ชีทองพูน ชาว จ.สกลนคร ฐานความผิดฉ้อโกงประชาชน รวมถึง นางสาวไพลิน อายุ 31 ปี หรือแม่ชีการ์ตูน ชาว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ฐานความผิดฉ้อโกงประชาชน ซึ่งทั้ง 2 คน ทำหน้าที่เป็นสายบุญ เดินสายตระเวนหาลูกค้ามาซื้อกองทุนผ้าป่าเงินสด และผ้าป่าทองคำ โดยตำรวจได้นำตัวไปเสนอศาลจังหวัดนครพนม ฝากขังแล้ว

ตำรวจ ทำการขยายผลจับกุม จนสามารถจับกุม แม่ชีอู๋ ที่สำนักปฏิบัติธรรม วิปัสสนา พระพุทธสิกขี ฐานความผิดฉ้อโกงประชาชน

ขณะตำรวจ คุมตัว แม่ชีอู๋ ไปสอบสวน “เจ้าตัวยังพูดจาวกวนไปมา และยืนยันว่าตนเป็นอริยบุคคล เทียบเท่าอริยสงฆ์ เป็นอรหันต์แล้ว ไม่ยึดติดกับสิ่งใด ไม่รับรู้สิ่งใดในโลกนี้แล้ว

ส่วนการจัดตั้งกองทุนผ้าป่าเป็นการทำขึ้นเพื่อช่วยเหลือคนยากจน แต่จะมีเวลาคืนเงินให้ตามความเชื่อศรัทธา จะต้องมีฤกษ์ยาม ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคืนให้ แต่คนที่มาร่วมทำบุญเกิดความโลภจึงเกิดปัญหา ซึ่งหากทุกคนรอตามเวลากำหนดจะได้รับเงินคืน”

จากการสอบสวน ตำรวจได้ขยายผลดำเนินคดีกับแก๊งแม่ชี ลวงโลกเพิ่มอีก 2 ราย คือ

1. นางสาวมะลิวัลย์ อายุ 28 ปี หรือแม่ชีกาเต้

2. นางกิติยา อายุ 46 ปี เป็นฆราวาส

และตำรวจ ได้แจ้งข้อหาฉ้อโกงประชาชน กับผู้ต้องหาทั้ง 5 คน พร้อมนำตัวไปเสนออนุมัติของฝากขังที่ศาลจังหวัดนครพนม โดยศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก โดยมีผู้เสียหาประมาณ 400 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย ไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท บางรายสูญเงินกว่า 1-2 แสนบาท และต้องให้การในชั้นศาลต่อไป