5 อุบายยอดฮิต ที่มิจฉาชีพ ใช้หลอกเหยื่อ

ทุกวันนี้โจรออนไลน์ชุกชุมหนัก พร้อมยังหากลโกง มาหลอกเหยื่อ อีกสารพัดนับไม่ถ้วน

เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 66 พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร. เผยสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ในรอบปีที่ผ่านมา รวมถึงภัยออนไลน์ที่เกิดขึ้นใหม่ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีจุดประสงค์ เพื่อให้ประชาชนได้รู้เท่าทัน และไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ

พบว่า ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา (1 มี.ค.65 – 11 มี.ค.66) มีสถิติการแจ้งความออนไลน์ที่ประชาชนแจ้งเข้ามามากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่ คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้า, คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อหารายได้จากการทำกิจกรรม,  

คดีหลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน, คดีหลอกลวงทางโทรศัพท์ที่เป็นขบวนการ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์, คดีหลอกให้ลงทุน(ที่ไม่เข้าลักษณะฉ้อโกงประชาชน),  

คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้า, คดีหลอกเป็นบุคคลอื่นเพื่อยืมเงิน, คดีหลอกให้โอนเงิน (ไม่เป็นขบวนการ), คดีหลอกให้รักแล้วลงทุน และหมิ่นประมาท ดูหมิ่น

ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา มีผู้เข้าแจ้งความ 218,210 กรณี ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายมากถึง 31,579,305,746 บาท

ในส่วนของสถิติในรอบสัปดาหที่ผ่านมา (วันที่ 5-11 มี.ค.66) พบว่า 5 อันดับแรกที่มีประชาชนเข้ามาแจ้งความออนไลน์มากที่สุด คือ คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้า, คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อหารายได้จากการทำกิจกรรม, คดีหลอกลวงทางโทรศัพท์ที่เป็นขบวนการ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์, คดีหลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน และคดีหลอกเป็นบุคคลอื่นเพื่อยืมเงิน

หากรวมทั้งสัปดาห์มีผู้แจ้งความทั้งหมด 5,787 กรณี มูลค่าความเสียหายรวม 377,284,886 บาท

ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เผย อุบายที่มิจฉาชีพที่นำมาใช้หลอกเหยื่อทางออนไลน์มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่

1. หลอกลวงซื้อขายสินค้า

มิจฉาชีพกลุ่มนี้ส่วนมากจะเป็นพ่อค้า แม่ค้าที่ขายของทางออนไลน์  ซึ่งสินค้าที่ขายเป็นสินค้าที่ไม่ตรงปก หรือบางกรณีจะหลอกลวงให้ลูกค้าโอนเงินก่อนแต่ไม่ส่งของให้

2. หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อหารายได้จากกิจกรรม

มิจฉาชีพในกลุ่มนี้ จะชวนเหยื่อทำกิจกรรม เพื่อหายรายได้ โดยจะอ้างว่าหาเงินจ่ายๆ แค่ดูคลิปจากแพลตฟอร์มต่างๆ การแยกลูกปัด หรือช่วยแพ็คสินค้า แต่ต้องโอนเงินลงทุน หรือจ่ายค่าสมัครก่อน

3. แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่หลอกลวงทางโทรศัพท์ต่อสายเป็นทอดๆ 

มิจฉาชีพกลุ่มนี้ จะโทรมาหลอกให้เหยื่อกลัว แล้วตายใจ ก่อนจะส่งสายต่อเป็นทอดๆ อ้างว่ามาจากหน่วยงานต่างๆ โดยส่วนใหญ่มักบอกกับเหยื่อว่า มีพัสดุตกค้าง เข้าไปพัวพันการฟอกเงินผิดกฎหมาย ค้างภาษี หรือขอตรวจสอบเงินในบัญชี

4. หลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน

มิจฉาชีพกลุ่มนี้ มักหาคำพูดมาเป็นแรงจูงใจให้เหยื่อคล้อยตามได้ง่าย เช่น ให้กู้ง่าย ได้เงินเร็ว และหลอกให้เหยื่อลงทะเบียนโดยการกรอกข้อมูลส่วนตัว และหลอกให้จ่ายค่าธรรมเนียม

5. หลอกบุคคลอื่นเพื่อยืมเงิน

มิจฉาชีพกลุ่มนี้ จะทำไลน์ปลอม เฟซบุ๊กปลอม หรือในบางครั้งจะปลอมเป็นเสียงคนในครอบครัวหรือคนสนิท โดยจะอ้างว่าเดือดร้อน และขอยืมเงิน โดยเหยื่อส่วนใหญ่มักเป็นคนี่มีอายุเยอะ หรือตามไม่ทันเทคโนโลยี

ตอนนี้มิจฉาชีพเยอะมาก และมีอุบายที่มาใช้หลอกเหยื่อมากมาย ทางที่ดีเราควรตรวจสอบข้อมูลให้ดี และเช็กให้ถี่ถ้วนนะคะ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพกันค่ะ