ทลายแก๊ง คอลเซ็นเตอร์ มือใหม่ ขโมยข้อมูลมาเปิดได้ 2 เดือน แต่ไม่รอด

ตร. PCT ทลายแก๊ง คอลเซ็นเตอร์ มือใหม่ ขโมยข้อมูลจากเจ้าใหญ่ มาเปิดเอง เปิดได้ 2 เดือน หวังเป็น Start Up รายแรกในไทย แต่ไม่รอด

รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มือปราบคอลเซ็นเตอร์ ได้วิเคราะห์ข้อมูลพบแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มใหม่เกิดขึ้น ในข้อมูลระบบการรับแจ้งความออนไลน์ ชักชวนให้ลงทุนและทำภารกิจ ภายใต้บริษัทปลอมที่ใช้ชื่อว่า E-SHIPING.SHOP ซึ่งสืบทราบว่า แก๊งดังกล่าวอยู่ในประเทศไทย ที่ผ่านมากลุ่มคนร้ายจะอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน จนสามารถเข้าจับกุมแก๊งคนร้ายได้ ภายในคอนโดย่าน ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ มีผู้ร่วมขบวนการ 4 คน พร้อมของกลาง จากการตรวจสอบพบว่า ข้อมูลและรูปแบบการหลอกลวง เรียกได้ว่าถอดแบบมาจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน

โดยเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 65 เวลาประมาณ 13.00 น. ตร. PCT จับกุมตัวผู้ต้องหาได้ โดยมีนายสุพรพงษ์ หรือแบงค์ อายุ 31 ปี ชาวกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับ ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, นางสาวทิพวรรณ หรือแหม่ม, น.ส.สิริธร หรือแสตมป์, น.ส.คณิณัช หรือแฟง รวม 4 คน พร้อมตรวจยึดคอมพิวเตอร์ 3 เครื่อง  โทรศัพท์มือถือจำนวน 9 เครื่อง  สมุดบัญชีจำนวน 5 เล่ม ซิมการ์ดโทรศัพท์ 38 ซิม

โดยทั้ง 4 ได้ร่วมกันหลอกลวง ด้วยการสร้างเฟสบุ๊คปลอม (อวตาร) ใช้ภาพโปรไฟล์เป็นสาวสวย แล้วชักชวนเพื่อนในเฟซบุ๊ก พูดคุยเชิงชู้สาว เพื่อชักชวนมาลงทุน โดยเมื่อเหยื่อสนใจ จะเชิญเข้า “กลุ่มไลน์” โดยอ้างว่าเป็นบริษัทที่ชื่อว่า E-SHIPING.SHOP ซึ่งแท้จริงเป็นบริษัทที่ไม่มีอยู่จริง และจากนั้นจะให้คุยกับ อ.กอล์ฟ ซึ่งเป็นตัวตนปลอม สวมรอยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน หลอกเสนอขายแผนโปรแกรมหลายๆแบบ เช่น การท่องเที่ยว การแต่งงาน แล้วหลอกให้โอนเงินร่วมลงทุน ตามแผนงานต่างๆเหล่านั้น เหมือนเป็นการหลอกให้ทำภารกิจ โดยอ้างว่าเมื่อเหยื่อโอนเงินมาแล้วทำภารกิจเสร็จ จะได้เงินคืนในจำนวนมากกว่าเดิม โดยภายในกลุ่มไลน์ดังกล่าวจะมีเหยื่ออยู่ในกลุ่มเพียงคนเดียว ที่เหลือจะเป็นหน้าม้าทั้งหมด โดยจะมีการให้หน้าม้าส่งภาพสลิปการโอนเงิน ทำทีว่าได้รับเงินจริง แต่แท้จริงเป็นสลิปการโอนเงินปลอม ซึ่งเมื่อเหยื่อเห็นว่าคนในกลุ่มได้รับเงินโอนจริงจะเกิดความโลภและยอมโอนเงินลงทุนในที่สุด แต่เมื่อเหยื่อต้องการถอนเงินก็จะไม่สามารถถอนได้ อ้างว่าเหยื่อทำผิดวิธี และจะชักชวนให้ลงทุนเพิ่มไปเรื่อยๆ

รูปแบบการวางระบบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ เป็นรูปแบบเดียวกับหลายๆแก๊ง ที่ตั้งออฟฟิศอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน แต่กลุ่มนี้สามารถรวบรัดระบบต่างๆไว้ในห้องๆเดียวด้วยคอมพิวเตอร์เพียง 3 เครื่อง และใช้คนจัดการเพียง 4 คน ซึ่งมีทั้งการทำระบบหลังบ้าน, ระบบการแบ่งห้องไลน์สนทนา, ระบบแถว 1 ที่การชักชวนเหยื่อ, การปลอมสลิป และอีกหลายขั้นตอน ซึ่งบ่งบอกถึงประสบการณ์และความเข้าใจในการทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นอย่างดี

ซึ่งหลังเสร็จสิ้นการตรวจค้น ชุดจับกุมได้ทำการจับกุมตัว นายสุพรพงษ์ หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ ซึ่งยอมรับว่า นำความรู้ที่ได้จากการไปทำในประเทศเพื่อนบ้านกลับมาทำเอง โดยระหว่างที่ทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา ก็ได้แอบเก็บข้อมูล รูปแบบ สคริปต่างๆของชาวจีน และได้เลือกรูปแบบที่คิดว่าสมบูรณ์แบบเก็บติดตัวไว้ และได้เดินทางกลับมายังประเทศไทยเมื่อประมาณเดือน ก.ย. 65 จากนั้นก็ได้เริ่มทำในประเทศไทย เพราะคิดว่าตัวเองมีความรู้ระดับอาจารย์ ไม่จำเป็นที่จะต้องไปทำในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรับเปอร์เซ็นต์แค่ 3% โดยวาดฝันไว้ว่า ตนเองจะเป็นผู้ก่อตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของคนไทยเจ้าแรก และจะเป็น Start Up เพื่อขยายกิจการในประเทศไทย แต่ทำได้เพียง 2 เดือนก็มาถูกจับเสียก่อน

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้มีความน่ากลัว เพราะทั้ง 4 ถือเป็นต้นเชื้อ เป็นระดับหัวกะทิ ที่นำความรู้ความสามารถจากการเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน กลับมาตั้งต้นทำในประเทศไทยซึ่งเราจะมีการขยายผลต่อไปจนถึงที่สุด ซึ่งปฏิบัติการในครั้งนี้ถือเป็นการ ตัดไฟแต่ต้นลม ได้อย่างทันท่วงที ขอฝากประชาสัมพันธ์ประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากคนร้ายกลุ่มนี้ โดยสังเกตจากภาพอวตารที่ใช้หลอก โดยแจ้งข้อมูลมาที่ สายด่วน 1441 ตำรวจไซเบอร์ หรือ ศูนย์ ศปอส.ตร. 081-866-3000 ผู้เสียหายสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com และขอเตือนขอเตือนประชาชนคนไทยที่ว่างงานอยู่ กำลังตัดสินใจไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนใหญ่ไปแล้วก็เป็น call center และเมื่อใดที่ไปเข้าร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้ว คุณจะกลับประเทศมาเยี่ยงอาชญากร มิใช่เหยื่อ

คลิปอีจันแนะนำ
มหาบุญใหญ่ส่งท้ายปี! เททองหล่อพระประธาน ณ วัดป่าพุทธธรรมผาบ่อง จ.เลย