
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ โพสต์ภาพพร้อมข้อความเตือน ประชาชนให้ระมัดระวังมิจฉาชีพ โดยการหลอกให้รักผ่านโลกออนไลน์ ซึ่งวิธีการก็คือ หลอกให้รัก หลอกให้หลง และลงท้ายให้โอนเงิน
ซึ่งมิจฉาชีพกลุ่มนี้ จะมักสร้างภาพผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ใช้รูปโปรไฟล์หน้าตาดี (แต่เป็นรูปคนอื่น) ระบุว่ามีการศึกษาสูง มีอาชีพและฐานะร่ำรวย และจะใช้คำพูดหว่านล้อมเพื่อให้เหยื่อเชื่อใจ หลงรักทั้งที่ยังไม่เคยเจอตัวจริง ท้ายสุดจะหลอกให้เหยื่อโอนเงินมาให้และหายตัวไป
ด้าน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก รัชดา ธนาดิเรก - รองโฆษกรัฐบาล ว่า ครบ 1 ปี คนไทยถูกหลอกออนไลน์ 2.9 แสนคดี เสียหายเกือบ 4 หมื่นล้าน เป็นคดีหลอกขายสินค้ามากที่สุด
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ รายงานสถิติการหลอกลวงทางออนไลน์ที่ผู้เสียหาย แจ้งความออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com ตั้งแต่ 1 มี.ค.65 ถึง 31 พ.ค.66 มีจำนวนคดีสูงถึง 296,243 คดี เฉลี่ย 525 คดีต่อวัน คิดมูลค่าความเสียหายเกือบ 40,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 74 ล้านบาทต่อวัน
คดีแจ้งความออนไลน์ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการทางออนไลน์มากที่สุดกว่า 1 แสนคดี (37.25%) รองลงมาเป็นเรื่องหลอกให้โอนเงิน 36,896 คดี (13.65%) อันดับ 3 เป็นการหลอกให้กู้เงิน 33,517 คดี (12.40%) อันดับ 4 หลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ 22,740 คดี (8.41%) และอันดับ 5 การข่มขู่ทางโทรศัพท์ 20,474 คดี (7.57%)
สำหรับสถานการณ์การหลอกลวงทางออนไลน์ปรับตัวดีขึ้นบ้าง หลังจากภาครัฐ มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ถึงกลหลวงของมิจฉาชีพ และออกกฎหมายที่เข้มงวดในการจัดการกลุ่มมิจฉาชีพ เช่น การจัดการบัญชีม้า ซิมผี และ SMS ปลอม นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศให้ สถาบันการเงิน ห้ามส่งลิงค์แนบไปยังผู้ใช้ และปรับปรุงระบบการโอนเงิน โดยใช้การสแกนใบหน้า ด้วย
อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังคงต้องระมัดระวังกลลวงรูปแบบใหม่ของมิจฉาชีพ เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อจน นำไปสู่การเสียทรัพย์สินและข้อมูลสำคัญ