จับ 2 โมเดลลิ่ง ค้ากามเด็ก ผ่านสื่อออนไลน์

ตำรวจสอบสวนกลาง ปฏิบัติการ “ฉีกหน้ากากโมเดลลิ่ง” ค้ากามเด็ก ผ่านสื่อสังคมออนไลน์

รัฐบาล ตระหนักถึงปัญหาการค้ามนุษย์ที่เกิดขึ้น จึงสั่งการไปยังหน่วยงานความมั่นคง และทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ให้ปฏิบัติการกวาดล้างขบวนการเครือข่ายค้ามนุษย์อย่างจริงจัง

​กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ จึงได้การสืบสวนปราบปรามเครือข่าย และขบวนการค้ามนุษย์ในทุกรูปแบบ โดยร่วมกับสืบสวนพบว่า น.ส.ณัฐณรีย์ หรือ โมส้ม มีพฤติการณ์เป็นหน้านายขายบริการทางเพศเด็กหญิง มีการโฆษณา จัดหาพริตตี้ เด็กเอ็น รับงานเอ็นเตอร์เทน รับงานวี โดยมีน้อง ๆ รับงานทั้งนางแบบ สาวสวย นักเรียน นักศึกษา ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ทั้งทาง FACEBOOK และ TWITTER

ชุดสืบสวนจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ขออนุญาตปฏิบัติการ รวบรวมพยายหลักฐาน และเข้าช่วยเหลือน้องเด็กหญิงผู้เสียหาย

เมื่อเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา ชุดสืบสวนของ กก.2 บก.ปคม. ได้ให้สายลับติดต่อ ขอซื้อบริการทางเพศกับน้องเด็กหญิงผู้เสียหายในคดีนี้ ตามที่ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ลงโฆษณาขายบริการทางเพศไว้ โดยสายลับได้ติดต่อพูดคุยกับผู้ต้องหาที่ทางไลน์ ผู้ต้องหา จึงได้ส่งภาพและรายละเอียดของน้องผู้เสียหายให้กับสายลับ และให้โอนเงินค่าบริการให้กับผู้ต้องหา ก่อนจะมีการนัดพบกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน กทม.

จากนั้นชุดสืบสวน จึงได้เข้าช่วยเหลือเด็กหญิงผู้เสียหายไว้ ทราบว่า เป็นเยาวชนอายุ 17 ปี จึงได้สอบสวนปากคำ คัดแยกและสัมภาษณ์พบว่า เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จึงทำการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่า ผู้ต้องหาในคดีนี้คือ น.ส.ณัฐณรีย์ หรือ โมส้ม อายุ 32 ปี เเละ น.ส.สุชัญญา หรือ โมดาว อายุ 21 ปี มีพฤติการณ์ร่วมกันจัดหาเด็กหญิงผู้เสียหาย มาขายบริการทางเพศให้กับลูกค้า มาแล้ว จำนวน 2 ครั้ง จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ในข้อหา “สมคบกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีโดยกระทำแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีฯ” และได้สืบสวนขยายผล ผู้ซื้อบริการทางเพศเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 2 ราย ดังนี้

1.นายวรคุณ อายุ 40 ปี อาชีพ พนักงานบริษัท

2.นายสิวินทร์ อายุ 40 ปี อาชีพ ธุรกิจส่วนตัว

จึงขออนุมติศาลออกหมายจับผู้ซื้อบริการในข้อหา “พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารฯ”

ต่อมา วันที่ 20 ต.ค.65 ตำรวจ บก.ปคม. สนธิกำลัง นำหมายค้นเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ภายใต้ยุทธการ “ฉีกหน้ากากโมเดลลิ่ง” เข้าตรวจค้นจับกุมตามหมายจับของศาลอาญาได้ครบทั้ง 4 เป้าหมาย โดยจับกุมผู้ต้องหา “ค้ามนุษย์” จำนวน 2 ราย ดังนี้

1.น.ส.ณัฐณรีย์ฯ หรือ โมส้ม จับกุมได้ที่ บ้านพักย่าน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี

2.น.ส.สุชัญญาฯ หรือ โมดาว จับกุมได้ที่ ห้องพักย่าน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

พร้อมกันนี้ได้ตรวจยึด โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชีธนาคาร และบัตรกดเงินสด ที่เป็นพยานหลักฐานเกี่ยวข้องในคดีได้อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งในชั้นจับกุม-ชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

และยังจับกุมผู้ซื้อบริการทางเพศเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 2 ราย ดังนี้

1.นายวรคุณ

2.นายสิวินทร์

พร้อมกับตรวจยึด โทรศัพท์มือถือที่มีข้อมูลการติดต่อสื่อสารกับผู้ต้องหาที่อ้างตนเป็นโมเดลลิ่ง 2 รายดังกล่าวในการซื้อบริการทางเพศเด็ก โดยในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

โมส้ม สารภาพอ้างว่า “เคยทำงานเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง แต่มีปัญหาชีวิต เนื่องจากกู้เงินสินเชื่อส่วนบุคคล มาลงทุนทำธุรกิจกับเหมาก่อสร้างกับแฟน จนเป็นหนี้สินจำนวนมาก จึงลาออกจากงาน เนื่องจากเกรงว่าจะถูกฟ้อง ผันตัวมาทำงานอิสระโดยได้รับคำแนะนำจากคนที่รู้จักให้ เป็นโมเดลลิ่งหาเด็กมารับงานเอ็น งานวี เนื่องจากมีรายได้ดี จึงผันตัวมาทำโมเดลลิ่ง เธอทำงานนี้มานาน 3 ปี แต่น้องผู้เสียหายในคดีนี้ เพิ่งได้ติดต่อหางานให้น้องเพียง 3 ครั้ง ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน ได้รายละเอียดของน้องผู้เสียหายในคดีนี้จาก บอร์ดไลน์รับงานเอ็นวี ของกลุ่ม โมเดลลิ่ง”

ส่วนโมดาวนั้น สารภาพอ้างว่า เธอเองเคยเป็นเด็กเอ็นเตอร์เทนมาก่อน แล้วพบว่ามีรายได้ดี จึงได้ผันตัวเองมาเป็นโมเดลลิ่ง และได้รายละเอียดน้องผู้เสียหายมาจากไลน์กลุ่มโมเดลลิ่งเช่นกัน เธอได้เงินส่วนต่างประมาณ 3,000 บาท”

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีความห่วงใยเด็กผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อของกระบวนการค้ามนุษย์ เพราะนอกจากความเสียหายทางร่างกายที่เกิดขึ้นกับเด็กเหล่านี้แล้ว ยังมีความเสียหายทางจิตใจที่จะฝังรากลึกและเป็นผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในอนาคต สิ่งที่น่ากลัวของการค้ามนุษย์ในปัจจุบันนี้คือผู้กระทำผิดและเด็กไม่เคยเจอกันมาก่อนเลย จึงไม่ทราบว่าคนที่ตนสื่อสารด้วยนั้นเป็นตัวตนจริงตามที่ได้แจ้งไว้หรือไม่ อาจจะทำให้เด็กที่หลงเข้ามาสู่กระบวนการนี้เกิดอันตรายกับตนเองได้ จะเห็นได้จากคดีสำคัญๆในอดีตที่เป็นเหตุเศร้าสลด ไม่ว่าจะเป็นคดีฆ่ายัดหีบเหล็กถ่วงน้ำ 3 ราย ท้องที่ สน.เพชรเกษม ซึ่งคาดว่าจะเป็นเหยื่อจากการซื้อบริการในลักษณะนี้ หรือแม้กระทั่งคดีที่พริตตี้สาวถูกติดต่อไปงานเอ็นเตอร์เทนที่บ้าน แต่มีการมอมเหล้าและบังคับเสพยาจนเกินขนาดและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ฝากเตือนภัยพี่น้องประชาชนที่อาจตกเป็นผู้เสียหาย ให้ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ให้สังเกตพฤติกรรมของบุตรหลานว่ามีการใช้จ่ายเงินฟุ้งเฟ้อเกินตัว และหมั่นตรวจสอบการใช้สื่อออนไลน์ของเด็กว่า มีความผิดปกติน่าสงสัยหรือไม่

ฝากเตือนผู้ใช้บริการทางเพศเด็กอย่าเพียงเพราะเห็นแก่ความสนุกชั่วครั้งชั่วคราว และคิดว่ากระทำไปแล้วไม่มีใครรู้ หรือจับได้ ขอให้พึงระลึกเช่นกันว่า พยานหลักฐานการกระทำผิดก็จะยังคงอยู่ และสามารถนำมาดำเนินคดีได้ในภายหลัง มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี อัตราโทษสูงสุด จำคุก 10 ปี ปรับ 200,000 บาท

ทั้งนี้ ฝากเตือนผู้ที่คิดจะตั้งตัวเป็นเอเย่นต์, นายหน้า หรือโมเดลลิ่ง ค้าบริการทางเพศเด็ก เพียงเพราะเห็นแก่รายได้ส่วนต่างจากการค้าประเวณี ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ ที่มีอัตราโทษสูง จำคุกกว่า 15 ปี ปรับสูงสุดถึง 1,500,000 บาท และยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานจัดให้มีการค้าประเวณีระหว่างผู้ซึ่งค้าประเวณีกับ ผู้ให้บริการ ที่มีอัตราโทษสูงสุดจำคุก 20 ปี ปรับ 400,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต พร้อมกันนี้ความผิดฐานค้ามนุษย์ ยังเป็นความผิดมูลฐานหนึ่งในกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งอาจถูกยึดทรัพย์ได้เช่นกัน

คลิปแนะนำอีจัน
ฝากบ้านไว้กับยาย ทำขนาดนี้เลยเหรอ?