เมื่อเวลาประมาณ 00.30 น. วันนี้ (30 ก.ค.65) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านนาสาร อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 148 ถ.สวนมังคุด ต.นาสาร อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวรประจำโรงพยาบาลบ้านนาสาร เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 และกู้ภัยบ้านนาสาร
ที่เกิดเหตุพบศพหญิงทราบชื่อ น.ส.ขวัญตา อายุ 44 ปี อยู่ที่ ต.เพิ่มพูนทรัพย์ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่บริเวณหน้าอกด้านซ้ายจำนวน 1 แผล กระสุนฝังใน นอนเสียชีวิตใกล้ประตูหลังบ้าน โดยมีนายชวลิต อายุ 37 ปี สามีผู้เสียชีวิตอยู่ในอาการเมาอย่างหนัก นอนอยู่ใกล้กับร่างภรรยา ใกล้กันพบอาวุธปืนพกขนาด .22 ลูกโม่(รีวอลเวอร์) พร้อมกระสุนขนาด .22 จำนวน 5 นัด (อยู่ในโม่) และปลอกกระสุนขนาด .22 จำนวน 1 ปลอก (อยู่ในโม่ปืนดังกล่าว)
นายทวีศักดิ์ อายุ 61 ปี พ่อบุญธรรมของ น.ส.ขวัญตา (ผู้เสียชีวิต) กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยรู้ว่าลูกสาวมีปัญหาอะไรกันกับแฟน เพราะลูกสาวไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง ตัวนายชวลิต (ผู้ก่อเหตุ) เองก็เป็นคนดี ทำงานเลี้ยงดูครอบครัว ตนไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งลูกสาวต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ แต่ไหน ๆ เรื่องก็เกิดแล้ว ไม่สามารถไปเอาอะไรกลับมาได้ ตนก็อโหสิกรรมให้ลูกเขย และปล่อยให้เป็นไปตามหน้าที่ของกฎหมาย
ด้านนางสมปอง อายุ 63 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า เมื่อคืนแม่ก็ไม่รู้ว่าลูกและลูกสะใภ้ทะเลาะกันเรื่องอะไร เพราะตอนที่ทั้งคู่กลับมาจากงานแต่ง แม่ได้เข้านอนแล้ว ชนวนเหตุแม่คาดว่าลูกชายอาจจะเมาจนขาดสติ แต่ปกติแล้วลูกชายเป็นคนไม่กินเหล้ากินเบียร์ ส่วนการทะเลาะนั้นทั้งคู่ก็มีปากเสียงกันบ้างเป็นธรรมดา แต่ไม่เคยเห็นว่ามีการลงไม้ลงมือกัน แม่เองก็อยากขอโทษทางฝั่งครอบครัวผู้สูญเสีย ตัวแม่ก็เสียใจไม่แพ้กัน
โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุ พบครอบครัวของทั้ง 2 ฝ่ายกำลังนั่งคุยกันเกี่ยวกับการจัดพิธีศพ โดยบริเวณจุดเกิดเหตุ ญาติ ๆ ได้ล้างคราบเลือดออกหมดแล้ว ส่วนร่าง น.ส.ขวัญตา ยังต้องรอให้แพทย์ผ่านำหัวกระสุนเพื่อพิสูจน์อย่างละเอียดก่อน
ขณะที่นายฐากร พี่เขยของผู้ก่อเหตุ เล่าว่า เมื่อคืนหลังจากกลับจากงานแต่ง ทั้งสองได้มีปากเสียงกัน คาดว่าสามีอยากออกไปสังสรรค์ต่อแต่ภรรยา ได้ห้ามไม่ให้ออกไป ตนเองก็ได้กลับเข้าบ้านที่อยู่ใกล้กัน ต่อมาได้ยินเสียงปืนดังขึ้นประมาณ 1 นัด ก็ได้ออกมาดูพบนอนแน่นิ่งแล้ว โดยสามีก็ได้นอนหมดสติอยู่ใกล้กันจึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ โดยปกติแล้วทั้งคู่มีปากเสียงกันบ้างบางครั้ง แต่ก็ไม่เคยเห็นลงไม้ลงมือกัน ซึ่งตนก็อยากฝากให้เป็นอุทาหรณ์คู่รักหลาย ๆ คู่เวลามีปากเสียงหรือทะเลาะกันอย่าให้มีอาวุธเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะอาจจะทำให้เกิดความสูญเสียกับทั้งสองฝ่าย