เด็ก 15 ขังตัวเองในห้อง 3 ปี ไม่พูด ไม่จา หลังโดนบูลลี่ “กะเทย”

เด็ก 15 เก็บตัวในห้อง นาน 3 ปี แม่ เล่า ลูกโดนบูลลี่ เป็นกะเทย และโดนทำร้าย ก่อนเริ่ม ไม่พูดคุยกับใคร

เกิดอะไรขึ้นกับ เด็กวัย 15 คนนี้

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นใน ต.นาทับไฮ อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย 

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2566 เจ้าหน้าที่ อส.พม. ได้เข้าเยี่ยมชาวบ้าน 

จนมาบ้านหลังหนึ่ง ก็เข้าเยี่ยมตามปกติ จนได้ซักถามข้อมูล และได้ทราบเรื่องสุดช็อก ภายในบ้านหลังนั้น มีลูกอยู่อีก 1 คน 

ที่เก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่พูดคุยกับใครมานานเกือบ 4 ปีแล้ว ตั้งแต่อายุ 12 ปี

เมื่อทราบเหตุการณ์ดังกล่าว อส.พม. จึงประสานไปที่ รพ.สต.นาทับไฮ และแจ้งตำรวจ สภ.รัตนวาปี เข้าช่วยเหลือ

ในวันนั้น เจ้าหน้าที่พยายามพาเด็กชาย ออกมาจากห้อง เพื่อตรวจสอบร่างกาย แต่น้องขัดขืน ไม่ยอมออก เจ้าหน้าที่จึงต้องช่วยกันอุ้มน้องออกมา น้องจึงยอมให้ตรวจร่างกาย

แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ ตรวจร่างกาย ตรวจสุขภาพเบื้องต้นเสร็จแล้ว

น้องก็กลับเข้าห้อง ปิดประตูขังตัวเองไว้เหมือนเดิม 

ทีมข่าวอีจันในพื้นที่ ได้เดินทางไปตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ข้อมูลที่ได้มาค่อนข้างสะเทือนใจ

แม่ของน้อง เล่าว่า แม่ มีลูก 4 คน คนที่ 1 และ 2 มีครอบครัวแล้ว น้องเป็นคนรองสุดท้อง ส่วนพ่อน้องเลิกกันไปตอนในช่วงเดียวกับที่เกิดปัญหา คือ

ช่วง ป.5 ลูกไม่อยากไปโรงเรียน เพราะเพื่อนชอบล้อว่า เป็นกะเทย และโดนเพื่อนทำร้าย 

จากนั้นน้องก็ไม่เล่นกับใครเลย และเริ่มขาดโรงเรียนบ่อย

แม้จะสอบได้ที่ 1 แต่เวลาเรียนไม่ครบตามหลักสูตรการศึกษา ทำให้ ลูกต้องซ้ำชั้นเรียน 

เมื่อน้องรู้อย่างนั้น ก็ไม่ยอมไปเรียนอีกเลย และเริ่มไม่คุยกับใคร แม้กระทั่งแม่

น้องเก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่ออกมาอาบน้ำ นานถึง 1 ปีเต็ม แม่เลยยอม ไม่คาดคั้นให้ลูกไปโรงเรียนแล้ว 

ลูกเองก็ยอมออกจากห้อง แต่ก็ออกมาเพียงอาบน้ำ เล่นกับน้อง เล่นกับหมา บางครั้งน้องก็ทำกับข้าว แต่ยังไม่พูดจา และเก็บตัวในห้องเหมือนเดิม

ที่ผ่านมาแม่ก็ไม่เคยไปแจ้งใคร หรือหน่วยงานไหน  แต่แม่ก็อยากให้ลูกได้กลับไปเรียนเหมือนเดิมจะได้ดูแลตัวเองได้  เพราะแม่เองก็มีอาชีพเพียงเย็บผ้า รายได้น้อย เลยไม่อยากให้ลูกลำบาก

และล่าสุด วันที่ 20 มิถุนายน 2566 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอำเภอรัตนวาปี และ จังหวัดหนองคาย ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ น้องอีกครั้ง 

เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปเรียก น้อง ที่อยู่ในห้อง

น้องก็เดินออกมาจากห้อง เดินตรงขึ้นรถฉุกเฉินเอง โดยไม่ต้องมีใครบังคับเหมือนครั้งแรก

โดยทีมแพทย์จะพาน้อง ไปประเมินอาการทางจิต และสุขภาพโดยรวม 

ส่วนทาง พมจ.หนองคาย จะช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย อาชีพ และจะประสาน อสม.อบต.เข้าดูแลอีกชั้นหนึ่ง

ขอให้ชีวิตหนูต่อจากนี้ ไม่ต้องเก็บทุกข์ไว้เพียงลำพังแล้วนะ