15 พ.ย. 64 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่จังหวัดพังงา ติดตามความคืบหน้า โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ ปลูกยางพารา และปาล์มน้ำมัน รวมถึงเป็นประธานในพิธีมอบเช็คชำระหนี้ และมอบโฉนดที่ดินของ กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร แก่เกษตรกรจังหวัดพังงา ที่อาคารเอนกประสงค์ โรงเรียนท้ายเหมืองวิทยา จังหวัดพังงา
1.คณะรัฐมนตรี มอบให้ตนเป็นผู้ช่วยกลั่นกรองโครงการสำคัญของจังหวัดอันดามัน 6 จังหวัด (ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรังและสตูล) ได้โครงการสำคัญ 16 โครงการ รวมงบประมาณ 2,128 ล้านบาท โดยจังหวัดพังงา 3 โครงการ ประกอบด้วย สนามบินพังงา, โครงการสร้างตึกใหม่ของโรงพยาบาลพังงา และโรงพยาบาลตะกั่วป่า เพื่อเป็นตึกฉุกเฉิน, โครงการพัฒนาริมทะเลเขาหลักและท้ายเหมือง เป็นแหล่งท่องเที่ยว
2.ตนเป็นประธาน กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้สินที่เกิดจากการทำเกษตร ไม่ให้ที่ดินตกเป็นของธนาคาร หรือสถาบันการเงิน จะสูญเสียที่ดินทำกิน โดยโอนหนี้จากสถาบันการเงินมาเป็นหนี้กองทุนฯ และชำระกับกองทุนฯ แทน
ซึ่งวันนี้ดอกเบี้ยเป็นศูนย์ และไม่มีการยึดที่ดินทำกิน โดยในวันนี้ตนก็มามอบโฉนดคืน และมอบเกียรติบัตรให้กับผู้ที่ผ่อนชำระหนี้กองทุนครบแล้ว รวมถึงมอบงบฟื้นฟูและพัฒนาชีวิตเกษตรกรด้วย
3.เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ ช่วงที่ผ่านมาผลไม้ราคาดี ส่วนยางพาราช่วงนี้ถือว่าราคาดี แต่ถ้าช่วงไหนราคาตก ก็จะมีนโยบาย ประกันรายได้เกษตรกร เข้ามาช่วย
สำหรับนโยบาย ประกันรายได้เกษตรกร จะประกันรายได้พืช 5 ชนิด คือ ข้าว มัน ยาง ปาล์ม และข้าวโพด จะทำให้เกษตรกรมีรายได้ 2 ทาง จากการขายในตลาด และเงินส่วนต่างโอนเข้าบัญชี ธ.ก.ส.โดยตรง เข้ามาช่วยให้มีรายได้ตามรายได้ที่ประกัน ซึ่งจะขับเคลื่อนต่อไปขึ้นปีที่ 3 แล้ว
รองนายกรัฐมนตรี บอกอีกว่า มาถึงวันนี้ปาล์มราคาดีมาก สูงกว่ารายได้ที่ประกันไปแล้ว ประกันที่กิโลกรัมละ 4 บาท ตอนนี้ถึง 10 บาทแล้ว ซึ่งหากราคาต่ำกว่า 4 บาท ก็จะมีเงินส่วนต่างเข้ามาช่วยจากนโยบายประกันรายได้เกษตรกร และเหตุที่ปาล์มราคาสูงเกิดจากนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งตนได้สั่งห้ามนำเข้าปาล์มทางบก นำไปผสมเป็นน้ำมันดีเซล B5 B7 B10 และเปิดตลาดใหม่ โดยปีนี้ส่งออกปาล์มน้ำมันไปอินเดียได้แล้วถึง 14,000 ล้านบาท
ที่ผ่านมาปาล์มมาเลเซียออกน้อยและติดโควิด แต่อีกไม่กี่วันปาล์มมาเลย์จะออกแล้ว อาจกระทบราคาปาล์มในประเทศได้ นายจุรินทร์ กล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ระบุว่า วันนี้ได้มีการมอบเช็คเงินโครงการฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพเกษตรกรจำนวน 7 องค์กร 7 โครงการ จำนวนเงิน 3,435,000 บาท มอบโฉนดที่ดินและเกียรติบัตรจำนวน 12 คน และมอบใบรับรองการขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกรจำนวน 58 องค์กร จำนวนสมาชิก 5,409 คน ด้วย
ภายหลังพบปะกับเกษตรกรชาวพังงาแล้ว นายจุรินทร์ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมว่า กรณีดราม่าเรื่องราคาข้าวนั้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ซึ่งตนไม่รู้สึกหวั่นไหว เพราะมั่นใจว่าแม้จะเป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็เป็นนโยบายที่มีความปรารถนาดีต่อการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้เกษตรกรมีหลักประกันในเรื่องของรายได้ ในการปลูกพืชที่ประกัน ถ้าเขาตั้งใจผลิตพืชผลทางการเกษตร ไม่ว่าจะเป็น ข้าว มัน ยาง ปาล์ม ข้าวโพด ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานแล้ว เขาจะมีหลักประกันในเรื่องของรายได้ตามรายได้ที่ประกันแน่นอน
แม้ว่าพืชผลเกษตรตัวนั้นในบางช่วง อาจจะตกต่ำลงไป แต่เขาก็จะมีรายได้จากการขายพืชผลการเกษตรในราคาตก แต่ก็จะมีเงินส่วนต่างเข้าไปช่วยชดเชย ทำให้เขามีรายได้ตามรายได้ที่ประกัน
“ที่บอกว่าไม่หวั่นไหว ก็เพราะว่าวันนี้เราผลักดันนโยบายประกันรายได้ประสบความสำเร็จ และปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมมาจนกระทั่งเข้าปีที่ 3 แล้ว และได้ผลักดันจนกระทั่งเป็นนโยบายของรัฐบาล รวมถึงได้แถลงต่อรัฐสภาผูกพันคนทั้งประเทศไปแล้ว เพราะฉะนั้นก็เป็นหน้าที่ของคนที่เป็นรัฐบาลทุกคน จะต้องช่วยกันขับเคลื่อนผลักดัน ให้ประสบความสำเร็จต่อไป”
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ในเรื่องนี้จะมีการเคลียร์ใจกับคนในรัฐบาลหรือไม่ เนื่องจากคนข้างนอกมองว่าเป็นความขัดแย้งในระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล นายจุรินทร์ เผยว่า ตนไม่ขัดแย้งกับใคร ซึ่งตนคิดว่าใครจะมีความเห็นอย่างไรนั้นก็สุดแล้วแต่ แต่ตนมีหน้าที่ของตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรองนายกรัฐมนตรี ที่จะต้องขับเคลื่อนผลักดันนโยบายประกันรายได้ เพราะอย่างน้อยที่อยู่ในความดูแลกระทรวงพาณิชย์ก็มี 4 ตัว ข้าว มัน ปาล์ม ข้าวโพด ส่วนยางก็กระทรวงเกษตรฯ
“ใครจะพูดอย่างไรผมไม่หวั่นไหว ผมมั่นใจในสิ่งที่ผมทำ และผมมั่นใจในภารกิจที่ผมมี ในฐานะที่เป็นรัฐบาล และต้องรับผิดชอบต่อรัฐสภา และต้องรับผิดชอบต่อคนไทยและเกษตรกรทั้งประเทศ” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนงบประมาณของกองทุนฟื้นฟูเกษตร ด้วยภาวะเศรษฐกิจในปีนี้จะส่งผลให้กองทุนไม่ได้รับงบประมาณเพิ่มเติมนั้น รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้งบประมาณของกองทุนฟื้นฟูเกษตรกรร่อยหรอแล้ว เพราะใช้มาหลายปี แล้วค่อยๆ ทยอยร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ
ซึ่งตนได้ทำเรื่องของบกลางไปแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา และผู้ที่มีหน้าที่จะพิจารณาอย่างไร แล้วคงจะไปสิ้นสุดที่ท่านนายกรัฐมนตรี ที่จะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย แต่ตนได้ทำเอกสารชี้แจงเหตุผลทั้งหมดไปแล้ว และหวังว่าจะได้รับการดูแลในเรื่องนี้
เพราะไม่เช่นนั้นงานของกองทุนฟื้นฟูจะเดินหน้าต่อไปได้ลำบาก เพราะต้องใช้เงินงบประมาณในการไปช่วยแก้ปัญหาการจัดการหนี้ของเกษตรกร ที่เป็นสมาชิกกองทุน
ขณะเดียวกันก็จะต้องไปใช้ในการจัดสรรให้โครงการพัฒนาฟื้นฟูชีวิตเกษตรกรตามอำนาจหน้าที่ และตามพระราชบัญญัติที่กำหนดไว้ด้วย ตอนนี้เกษตรกรก็รออยู่ ตนก็พยายามช่วยชี้แจงว่าก็ต้องให้เวลาผู้ที่มีหน้าที่ในการพิจารณางบกลาง โดยเฉพาะนายกฯ เพื่อพิจารณา นายจุรินทร์ กล่าว