21 ต.ค. 64 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำทีมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการ ประกันรายได้เกษตรกร ผู้ปลูกยางพารา และ ประกันรายได้เกษตรกร ชาวสวนปาล์มน้ำมัน
รวมถึงเป็นประธาน มอบเช็คชำระหนี้ และ มอบโฉนดที่ดินของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ให้แก่เกษตรกรจังหวัดตรัง
นอกจากนี้ ยังร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (Memorandum of Understanding) ระหว่างองค์การคลังสินค้า (อ.ค.ส.) กับสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ด้วย
นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้มีหลายกิจกรรมประกอบด้วย การมอบเช็คชำระหนี้และมอบโฉนดที่ดินของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร, โครงการเซ็น MoU ความร่วมมือระหว่าง อ.ค.ส. กับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร, โครงการประกันได้เกษตรกร โดยเฉพาะชาวสวนยางและชาวสวนปาล์ม
ทั้งนี้ กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร มีหน้าที่ซื้อหนี้ให้กับเกษตรกรที่เป็นหนี้ของกองทุน หากเกษตรกรเป็นหนี้สถาบันการเงินแล้วใช้หนี้ไม่ครบถ้วน จะโดนฟ้องร้องดำเนินคดีและยึดที่ดินทำกิน ทางกองทุนก็จะไปช่วยซื้อหนี้จากสถาบันการเงิน ให้มาเป็นหนี้กับกองทุนแทน
สำหรับข้อดีของกองทุน คือ ไม่ยึดที่ดินทำกิน ดอกเบี้ยแค่ 1% และวันนี้ลดลงเหลือ 0% เมื่อชำระเงินครบถ้วนก็จะได้รับโฉนดที่ดินคืน รวมถึงมีโครงการฟื้นฟูชีวิตเกษตรกร ที่จะจัดงบโครงการให้พี่น้องรวมกลุ่มกันไปทำอาชีพ ทั้งเกษตร ปศุสัตว์ การบริการทางการเกษตรและเกษตรแปรรูป
นายจุรินทร์ เผยว่า วันนี้ตนมาเพื่อคืนโฉนดให้กับพี่น้องจำนวน 27 ราย และมอบเช็คชำระหนี้แทนกรณีเป็นหนี้สหกรณ์การเกษตร 5 สหกรณ์ เป็นเงิน 15.39 ล้านบาท พร้อมทั้งมอบเช็คเงินฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพเกษตรกร 3 องค์กร สมาชิก 44 ราย เป็นเงิน 1.5 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาได้ช่วยจังหวัดตรังซื้อหนี้มาแล้ว 133 ล้านบาท และมอบโฉนดคืนให้พี่น้องจังหวัดตรังไปแล้ว 864 ราย
สำหรับ ยางพารา กับ ปาล์มน้ำมัน เราให้ความสำคัญเป็นพิเศษ และผลักดันนโยบาย ประกันรายได้เกษตรกร ให้เป็นนโยบายรัฐบาล โดยทำมา 2 ปีแล้ว ปีนี้ขึ้นปีที่ 3 ซึ่งเป็นผลดีกับพี่น้องชาวสวนยางและสวนปาล์ม คือจะทำให้มีรายได้สองทาง คือ
1.เอายางไปขายในตลาด
2.มีเงินส่วนต่างจากรายได้ที่ประกัน
“ทั้งหมดนี้ถือเป็นการสร้างหลักประกันให้กับชาวปักษ์ใต้บ้านเรา และชาวสวนยางทั่วประเทศรวมถึงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง และข้าว ส่วนผลไม้มีมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ ซึ่งวันนี้ทั้งยางและปาล์มราคาขึ้น แต่น้ำยางข้นราคายังลงมาบ้าง เพราะน้ำยางข้นบ้านเราผลิตไปเพื่อทำถุงมือยางและตลาดใหญ่ที่สุด คือ มาเลเซีย แต่ช่วงที่ผ่านมา มาเลเซียมีปัญหาโควิด ทำให้โรงงานผลิตถุงมือยางปิดตัว ส่งออกไปมาเลเซียลำบาก ราคาเลยตกลงมา และโรงงานทำถุงมือยางในบ้านเรามีปัญหาโควิด บางแห่งต้องปิดตัวลดกำลังการผลิต” นายจุรินทร์ กล่าว
ขณะที่ปาล์มน้ำมัน วันนี้ขึ้นไปกิโลกรัมละ 8.50 บาท บางแห่งถึง 9 บาท ที่ราคาขึ้นเพราะมาตรการบริหารจัดการของเราแก้ปัญหาได้ถูกจุด ซึ่งก่อนนี้มีการลักลอบนำเข้าทำให้ปริมาณปาล์มล้นตลาด และราคาตก
นายจุรินทร์ กล่าวอีกด้วยว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมาตรการ ห้ามนำเข้าน้ำมันปาล์มทางบกเด็ดขาด โดยให้นำเข้าทางเรือท่าเรือแหลมฉบัง ออกทางหนองคายและสระแก้ว ในที่สุดจึงไม่นำเข้าเพราะต้องขนขึ้นเรือ โดยตนได้นำคณะไปอินเดีย 2 รอบ เพื่อเปิดตลาดน้ำมันปาล์ม และวันนี้ราคาปาล์มสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะเราสามารถส่งน้ำมันปาล์มออกไปอินเดียได้มากขึ้น
รวมถึงเราอนุญาตให้นำน้ำมันปาล์ม ไปทำน้ำมันดีเซลผสม โดยเราจะยังไม่เลิกการนำไปผสม ให้คงที่ 3 ปี ทั้ง B7 B10 และ B20 เพื่อให้น้ำมันดีเซลมีส่วนผสมน้ำมันปาล์ม ทำให้ปาล์มบ้านเราขายดีขึ้นจากมาตรการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ แต่หากวันไหนราคาตก ก็ยังมีประกันรายได้เข้าไปช่วยพี่น้องเกษตรกรด้วย
คลิปแนะนำอีจัน
คำบูลลี่ สร้าง…ฆาตกร