
วันนี้ 22 ก.ค. 68 ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) พร้อมมุ่งไปสู่การเป็น ธนาคารเฉพาะทาง (Niche Bank) เดินหน้ากลยุทธ์ “Forward30” เป็นแผนระยะ 6 ปี ที่ออกแบบมาเพื่อให้ธนาคารสามารถแข่งขันในตลาดที่มีความผันผวนสูงอย่างประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การปรับตำแหน่งดังกล่าวจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ CIMBT ด้วยการเน้นบริการเฉพาะทางที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงจุด พร้อมเสริมพลังด้วยเครือข่ายของกลุ่ม CIMB ทั่วอาเซียน เพื่อยกระดับบริการ Cross-Border และสนับสนุนบทบาทของกลุ่มในฐานะผู้นำธนาคารระดับภูมิภาค

นายวุฒิ ธนิตติราภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CIMBT เปิดเผยว่า ธนาคารได้จัดทำแผนโร้ดแมป 6 ปีภายใต้ชื่อ “Forward30” โดยมีเป้าหมายหลัก คือ “Advancing Customers & Society” หรือการขับเคลื่อนลูกค้าและสังคมให้เติบโตไปพร้อมกัน
แผนดังกล่าวจะมุ่งยกระดับประสิทธิภาพการบริหารทรัพยากร ลดต้นทุน สร้างผลประกอบการที่ยั่งยืน และตอบโจทย์เมกะเทรนด์โลก ด้วยความคล่องตัวและความสามารถในการปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน
CIMBT จะมุ่งเน้น 3 ด้านหลัก ได้แก่
1.กลุ่มลูกค้าองค์กรและสถาบัน
2.การบริหารความมั่งคั่งเฉพาะบุคคล
3.บริการธนาคารผ่านช่องทางดิจิทัลที่สะดวกและเข้าถึงง่าย
ในด้านการบริหารความมั่งคั่ง ธนาคารจะเน้นการให้บริการครบวงจร ทั้งการออม การลงทุนในตราสารหนี้ หุ้นกู้ และ Structure Note เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า พร้อมกับเพิ่มรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยให้กับธนาคารอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าให้ AUM เติบโตเท่าตัวภายในปี 2573 จากระดับปัจจุบันที่ 2.5 แสนล้านบาท

ธนาคารยังเดินหน้าพัฒนา ดิจิทัลแบงก์กิ้ง ให้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้ครอบคลุมมากขึ้น พร้อมตั้งเป้าลดสัดส่วนต้นทุนต่อรายได้ (Cost to Income Ratio – CIR) ให้ต่ำกว่า 50% จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 52%
ในด้านความยั่งยืน ธนาคารยังให้ความสำคัญกับ ESG โดยมีทีมที่ปรึกษาเฉพาะทาง (ESG Advisory) ที่พร้อมช่วยวิเคราะห์สุขภาพองค์กรลูกค้า และให้คำแนะนำการปรับตัวสู่แนวทางธุรกิจที่ยั่งยืน โดยมีเงินทุนสนับสนุนผ่านโครงการ Transition Finance มูลค่า 20,000 ล้านบาท ภายใน 2 ปี
สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลัง ธนาคารประเมินว่ายังคงเผชิญความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจโลก และนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทำให้ CIMBT ยังคงใช้แนวทางระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ โดยในครึ่งปีแรกสินเชื่อรวมลดลง 2% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้โต 5% สะท้อนถึงความระมัดระวังของลูกค้าและความเปราะบางของกลุ่มธุรกิจรายใหญ่
ในด้านคุณภาพสินทรัพย์ ธนาคารยังคงตั้งเป้าควบคุม NPL ไม่เกิน 2.6% โดยครึ่งปีแรกอยู่ที่ 2.2% จากการขายหนี้บางส่วนออกไป ขณะเดียวกันได้เพิ่มการตั้งสำรองเพื่อเตรียมรับความไม่แน่นอนในช่วงครึ่งปีหลัง โดยจะติดตามสถานการณ์และปัจจัยแวดล้อมอย่างใกล้ชิดต่อไป